วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อย่าเชื่อความรู้สึก

เรามักทุ่มใจ ไปอยู่ที่ความรู้สึกนึกคิดของตนเอง

อย่าเชื่อความรู้สึก อย่าเชื่ออารมณ์ อย่ายินดี ยินร้าย

พยายามรักษาใจเย็น ใจดี ใจกลาง ๆ

ปกติเราทำผิดเหมือนกัน เท่ากัน หรืออาจจะมากกว่าเขา

แต่ความรู้สึกของเรามักจะมากกว่าเขา

และไม่เห็นความผิดของตัวเองเลยน่ากลัวจริง ๆ



สังเกตุดู คนที่ขี้บ่น ขี้โมโหว่าคนอื่นทำอะไรไม่ดี ไม่ถูก

ตัวของเขาเอง คิดดี พูดดี ทำดีไหม....ก็อาจจะไม่

เราเองก็เหมือนกัน เมื่อเราเกิดอารมณ์ไม่พอใจ

อย่าเชื่อความรู้สึกให้ระงับอารมณ์เสีย ทำใจเป็นกลาง ๆ

ไว้
:
:



อย่าเชื่อความรู้สึก

อย่าเชื่ออารมณ์

อย่ายินดียินร้าย
:

เรา มักจะมองข้ามความผิดของตนเอง

ถ้าใจเราโกรธ พูดเหมือนกัน พูดคำเดียวกัน นั่นคือโกรธ

ถ้าใจเราดี ใจเขาดี คำพูดของเราเป็นประโยชน์ นั่นคือ

สอน

เมื่อเราอยู่ในสังคม สิ่งที่ต้องระวังคือ หากเห็นใครทำผิด

อย่ายึดมั่นถือมั่นในความรู้สึกและความคิดของตน

อย่ายินดี อย่ายินร้าย ใจเย็น ๆ ไว้ก่อน



พยายามอบรมใจตนเองว่า

ธรรมชาติของคนเรา มักจะมองข้ามความผิดของตนเอง

ชอบจับผิดแต่คนอื่น




มองเห็นความผิดของคนอื่นเหมือนภูเขา

เห็นความผิดตนเท่ารูเข็ม

ตดคนอื่นเหม็นเหลือทน

ตดตนเองเหม็นไม่เป็นไร

ปากคนอื่นเหม็นเหลือทน

ปากของตนเหม็นไม่รู้สึกอะไร
:

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ให้กำลังใจตัวเอง. ให้พลังตัวเอง

<๑. อย่าเปรียบเทียบชีวิตของตัว เองกับคนอื่น คุณไม่รู้หรอกว่าคนที่คุณอิจฉานั้นเขา มีความทุกข์ยิ่งกว่าคุณอย่างไรบ้าง ๒. อย่าคิดทางลบเกี่ยวกับ เรื่องที่คุณควบคุมหรือกำหนดไม่ได้ แทนที่จะมองโลก ในแง่ร้าย, ก็ทุ่มเทกำลังและพลังงานให้กับความคิด ทางบวก ณ ปัจจุบันเสีย ๓. อย่าทำอะไร เกินกว่าที่ตัวเองทำได้...รู้ว่าขีดจำกัดของตัวเองอยู่ที่ไหน ๔.. อย่าเอา จริงเอาจังกับตัวเองนัก เพราะคนอื่นเขา ไม่ได้ซีเรียสกับคุณเท่าไหร่หรอก ๕. อย่า เสียเวลาและพลังงานอันมีค่าของคุณกับ เรื่องหยุมหยิมหรือเรื่องซุบซิบ....นอกเสียจากว่ามันจะทำให้คุณ ผ่อนคลายได้อย่างจริงจัง ๖. จงฝันตอนตื่นมากกว่าตอน หลับ ๗. ความ รู้สึกอิจฉาริษยาเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่า ๆ ปลี้ ๆ...คิดให้ดีก็จะรู้ว่าคุณมีทุกอย่างที่คุณจำเป็นต้องมีแล้ว ๘. ลืมเรื่อง ขัดแย้งในอดีตเสีย และอย่าได้เตือนสามี หรือภรรยาคุณเกี่ยวกับความผิดพลาดในอดีตของอีกฝ่ายหนึ่งเลย เพราะมันจะทำลายความสุขปัจจุบันของคุณ ๙. ชีวิตนี้สั้นเกินกว่าที่เราจะไปโกรธเกลียดใคร...จงอย่าเกลียดคนอื่น ๑๐.ประกาศ สงบศึกกับอดีตให้สิ้น, จะได้ไม่ทำลายปัจจุบันของคุณ ๑๑.ไม่มีใครกำหนดความสุขของคุณได้นอกจากคุณเอง ๑๒.จงเข้าใจเสียว่าชีวิตก็คือโรงเรียน คุณมาเพื่อเรียน รู้ และปัญหาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหลักสูตรซึ่งมาแล้วก็หาย ไป...เหมือนโจทย์วิชาพีชคณิต...แต่สิ่งที่คุณเรียนรู้นั้นอยู่กับคุณตลอด ชีวิต ๑๓. จง ยิ้มและหัวเราะมากขึ้น ๑๔. คุณไม่จำเป็นต้องชนะทุกครั้งที่ถก เถียงกับคนอื่นหรอก...บางครั้งก็ยอมรับว่าเราเห็นแตกต่างกัน ได้...เห็นพ้องที่จะเห็นต่างก็ไม่เห็นเสียหายแต่อย่างไร แล้วเราควรจะมีทัศนคติอย่างไรต่อชุมชนและคนรอบข้าง เราล่ะ? ๑. อย่าลืมโทรฯหาครอบครัวบ่อย ๆ ๒. จงหาอะไรดี ๆ ให้คนอื่นทุกวัน ๓. จงให้อภัยทุกคนสำหรับทุกอย่าง ๔. จงหาเวลาอยู่กับคนอายุเกิน 70 และต่ำกว่า 6ขวบ ๕. พยายามทำให้อย่างน้อย 3 คนยิ้มได้ทุกวัน ๖. คนอื่นเขาคิดอย่างไรกับคุณไม่ใช่ เรื่องของคุณสัก หน่อย ๗. งานของคุณไม่ดูแลคุณตอนคุณป่วยหรอก แต่ครอบครัวและเพื่อนคุณต่างหากเล่าที่จะดูแลคุณในยามคุณมีปัญหา สุขภาพ ดังนั้น, อย่าได้ห่างเหินกับคนใกล้ชิดเป็น อันขาด และถ้าหากสามารถดำรงชีวิตให้มีความหมายได้, ก็ควรจะทำ ดังต่อไปนี้ ๑. ทำสิ่งที่ควรทำ ๒. อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์, ไม่สวย, ไม่น่ารื่นรมย์,จงทิ้ง ไปเสีย...เก็บไว้ทำไม? ๓. เวลาและพระเจ้าย่อมรักษาแผล ทุกอย่างได้ ๔. ไม่ว่าสถานการณ์จะดีหรือเลวปานใด, เดี๋ยว มันก็เปลี่ยน ๕. ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรในตอนเช้าของทุกวัน, จงลุก จากเตียง, แต่ง ตัวและปรากฎตัวต่อหน้าคนที่เราร่วมงาน ด้วย...get up, dress up and show up. ๖. สิ่งที่ดีที่สุดยังมาไม่ถึง ๗. ถ้าคุณยังลุกขึ้นตอนเช้าได้, อย่าลืมขอบคุณพระเจ้า หรือสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ที่คุณนับถือเสียด้วย ๘. เชื่อเถอะว่าส่วนลึก ๆ ในใจของคุณนั้นมีความสุข เสมอ...ดังนั้น, ส่วนนอกของคุณทุกข์โศกไปทำไมเล่า และสุดท้ายที่สำคัญที่สุด /b>

วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ใจนำทาง


เพลงใจนำทาง ปาน ธนพร Parn อัลบัม พรหมลิขิต

คืนที่บนฟ้านั้นมืดสนิท ในชั่วโมงที่ชีวิตไม่เหลือไม่มีทางไหนสักทาง
ทุกทิศในใจไร้แสงสว่าง เธอเหลือแค่เพียงเท่านั้นแค่ลมหายใจ
ยอมหยุดเอาไว้หรือก้าวไปต่อ เธอจะถอย เธอจะท้อหรือพร้อม และสู้เพื่อจุดความหวังขึ้นใหม่
ถึงไร้ดวงดาว ถึงมืดเท่าไหร่ ไม่อาจจะดับไฟฝันในใจ ที่พาเธอก้าวข้ามคืนนี้ไป
ดื่มดวงตะวันที่ทอแสงมา
* ชีวิตต้องอยู่เพื่อวันพรุ่งนี้ ชีวิตต้องผ่านนาทีร้ายร้าย
เพื่อให้เราเข้าใจความหมายของคำหนึ่งนั่นคือศรัทธา
สิ่งที่ยากที่สุด มันจะยากที่สุด เมื่อเราหยุดไขว่คว้า
มืดเพียงใดแค่สายตา ถ้าหัวใจมีไฟนำทาง

แพ้ ไม่ใช่สิ่งที่แย่ที่สุด แต่ว่าใจที่ชำรุดต้องพร้อม ต้องสู้เพื่อจุดความหวังขึ้นใหม่
ยิ่งเชื่อตัวเอง ยิ่งเชื่อเท่าไหร่ ยิ่งเท่ากับก่อไฟฝันในใจ เพื่อส่องให้เห็นหนทางให้ไป
ก่อนดวงตะวันจะทอแสงมา


วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ธนบัตรเก่าและไม่มีคนเหลียวแลก็มีค่าเสมอ

ธนบัตรเก่าและไม่มีคนเหลียวแลก็มีค่าเสมอ

อาจารย์มหาวิทยาลัยคนนึง เริ่มการสนทนาในชั้นเรียนด้วยการควักธนบัตรใบละ 1,000 บาท ...ออกมาให้นักศึกษาดู

แล้วถามว่า "มีใครอยากได้บ้างไหม"

นักศึกษาทุกคนยกมือขึ้น.. อาจารย์ขยำธนบัตรนั้นจนยับยู้ยี่..แล้วถามอีกครั้งว่า "มีใครยังอยากได้ธนบัตรใบนี้อีกหรือไม่?" ทุกคนยังยกมือขึ้นเหมือนเดิม และอาจารย์ถามต่ออีกว่า "ถ้าสมมุติว่า ธนบัตรใบนี้ถูกทิ้งอยู่บนพื้น แล้วมีคนมาเหยียบย่ำจนสกปรก ยังจะมีใครอยากได้อีกหรือไม่?"

นักศึกษาทุกคนก็ตอบว่ายังอยากได้......

อาจารย์จึงกล่าวสรุปว่า "นี่คือสิ่งมีค่า ที่พวกเธอได้เรียนรู้ในวันนี้ ไม่ว่าจะเธอจะทำอะไรกับธนบัตรใบนี้ มันก็คงยังมีราคา 1,000 บาทเสมอ ชีวิตคนเราก็เช่นเดียวกัน บางครั้ง เราอาจจะถูกทอดทิ้ง ถูกใครต่อใครซ้ำเติม เหยีบย่ำ ถูกขยี้ ยับเยิน เพราะผิดพลาดในการก้าวเดินของชีวิต จนทำให้เธอเกิดความรู้สึกว่าตนเอง ไร้ค่า แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอก็ยังมี คุณค่าของความเป็นคน ไม่ว่าเธอจะสะอาดเอี่ยม หรือยับยู้ยี่เปรอะเปื้อนไปด้วย
>

วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อย่ามัวแต่น้อยใจ

อย่ามัวแต่น้อยใจ





อย่ามัวแต่น้อยเนื้อต่ำใจ

ปล่อยให้ปมด้อยในชีวิต

กดดันความรู้สึกจนตกต่ำ

อย่าเฝ้าเหยียบย่ำซ้ำเติมตนเอง

จนเหมือนคนไร้ค่า



ขอให้ค้นหาสิ่งดีดี ที่มีอยู่แม้เพียงน้อยนิด

เพื่อนำมาเป็นหลักนำชีวิต ให้ก้าวไปข้างหน้า

เราจะไปได้ดีเท่าที่เราควรจะไป

คนชอบรู้เรื่องชาวบ้านคือคนที่ไ​ม่รู้จักตัวเองดีพอ

ว.วชิรเมธี
ดอกไม้หอมได้บางดอก แต่คนหอมได้ทุกคน ถ้าเป็นคนดี
หอม “พอ”ว.วชิรเมธี

ยิ่งเรา “พอ” เร็วเท่าไหร่ ชีวิตเราก็ยิ่งมีความสุขเร็วเท่​านั้น การรู้จักพอจึงเป็นวิธีเพิ่มควา​มสุขที่ง่ายที่สุด

: ค่าน้ำนมยิ่งใหญ่ใครก็รู้ว.วชิรเมธี
ค่าน้ำนมยิ่งใหญ่ใครก็รู้ แต่ยังสู้เนรคุณพ่อทูนหัว ต้องเทศน์อีกกี่ครั้งจึ่งสร่างม​ัว พ้นเป็นบัวใต้ตมชมตะวัน


คนชอบรู้เรื่องชาวบ้านว.วชิรเมธี
คนชอบรู้เรื่องชาวบ้านคือคนที่ไ​ม่รู้จักตัวเองดีพอ ไม่รู้ว่าเรื่องที่สำคัญสุดคือเ​รื่องของตัวเอง ตนยังมีทุกข์แต่กลับสนุกที่เฝ้า​มองคนอื่น

: คนล้ม 3 แบบว.วชิรเมธี
ในโลกนี้มีคนล้มอยู่ 3 แบบ 1. ล้มแล้วตาย 2. ล้มแล้วเข็ด 3. ล้มแล้วสู้ คุณอยากอยู่ในจำพวกไหนลองคิดดู


: สรรพสิ่งล้วนอิงอาศัยกันว.วชิรเมธี
นิ้ว1นิ้วไม่เป็นมือ คน1คนไม่เป็นบ้าน เจ้าอาวาส1รูปไม่เป็นวัด นายก1คนไม่เป็นประเทศ สรรพสิ่งล้วนอิงอาศัยกันไม่มีใค​รใหญ่อยู่ได้คนเดียวในโลก

let it go ว.วชิรเมธี
เมื่อทำเต็มที่ ทำอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ผลไม่เป็นอย่างที่หวัง จงบอกตัวเองว่า “สุดมือสอยก็ต้องปล่อยมันไป” (let it go)

วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2554

คุณค่าผัก

1. สะเดา (Neem tree) มีเบต้าแคโรทีนสูงบำรุงสายตา เสริมระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้นอนหลับ


2. ผักกาดขาว (Chinese white cabbage) ช่วยระบบย่อยอาหาร ขับปัสสาวะ แก้ไอ มีโฟเลทสูงบำรุงคุณแม่ตั้งครรภ์


3. หัวหอมเล็ก (Shallot) มีน้ำมันหอมระเหยบรรเทาอาการหวัด มีสารฟลาโวนอยด์ต้านมะเร็ง


4. แครอต (Carrot) เบต้าแคโรทีนป้องกันโรคมะเร็ง มีแคลเซียม แพ็กเตต ลดระดับ คอเลสเตอรอลได้


5. หอมหัวใหญ่ (Onion) มีสารฟลาโวนอยด์ช่วยลดอาการของโรคหัวใจ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด


6. คะน้า (Chinese kale) มีแคลเซียมและสารต้านอนุมูลอิสระสูง ป้องกันโรคกระดูกพรุน และมะเร็ง


7. พริก (Chilli) มีแคปไซซินกระตุ้นการขยายตัวของหลอดเลือด ช่วยให้เจริญอาหาร ขับเหงื่อ


8. กระเจี๊ยบเขียว (Okra) ลดความดันโลหิตบำรุงสมอง ลดอาการกระเพาะหรือลำไส้อักเสบ


9. ผักกระเฉด (Water mimosa) ดับพิษไข้ กากใยช่วยระบบขับของเสีย เพิ่มการเผาผลาญสารอาหาร


10. ตำลึง (Ivy gourd) มีวิตามินเอสูง ดีต่อดวงตา เส้นใยจับไนเตรต ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร



11. มะระ (Chinese bitter cucumber) มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส เป็นยาระบายอ่อนๆ น้ำคั้นลดระดับน้ำตาลในเลือด


12. ผักบุ้ง (Water spinach) บรรเทาอาการร้อนใน มีวิตามินเอบำรุงสายตา ธาตุเหล็กบำรุงเลือด


13. ขึ้นฉ่าย (Celery) กลิ่นหอม ช่วยเจริญอาหารมีวิตามินเอ บี และซี บำรุงสมอง ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด


14. เห็ด (Mushroom) แคลอรีน้อย ไขมันต่ำมีวิตามินดีสูง ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม เสริมกระดูกและฟัน


15. บัวบก (Indian pennywort) มีวิตามินบีสูงช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย บำรุงสมองและความจำบำรุงผิวพรรณ ลดอาการอักเสบ


16. สะระแหน่ (Kitchen mint) กลิ่นหอมเย็นของใบให้ความสดชื่น ทำให้ความคิดแจ่มใส แก้ปวดหัว


17. ชะพลู (Cha-plu) รสชาติเผ็ดเล็กน้อย แก้จุกเสียด ขับเสมหะ มีแคลเซียมสูง


18. ชะอม (Cha-om) ช่วยลดความร้อนในร่างกาย ขับลมในลำไส้ มีเส้นใยคอยจับอนุมูลอิสระ


19. หัวปลี (Banana flower) รสฝาด แก้ร้อนใน กระหายน้ำ และบำรุงน้ำนม มีกากใย โปรตีนและวิตามินซีสูง


20. กระเทียม (Garlic) ลดไขมันในเลือดป้องกันหัวใจขาดเลือด ใบกระเทียมมีโฟเลต เหล็กวิตามินซีสูง


21. โหระพา (Sweet basil) น้ำมันหอมระเหยทำให้โล่งจมูก ช่วยระบายลม มีเบต้าแคโรทีนแคลเซียม


22. ขิง (Ginger) บรรเทาอาการหวัดเย็น ลดอาการคัดจมูก รสเผ็ดร้อน แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ


23. ข่า (Galangal) น้ำมันหอมระเหย ช่วยระบบย่อยอาหารขับลม มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา


24. กระชาย (Wild ginger) บรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ บำรุงธาตุ มีวิตามินเอและแคลเซียม


25. ถั่วพู (Winged bean) ให้คุณค่าทางอาหารสูงมีโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส และสารช่วยย่อยกรดไขมันอิ่มตัว


26. ดอกขจร (Cowslip creeper) กระตุ้นให้รู้รสอาหาร ให้พลังงานสูง ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน


27. ถั่วฝักยาว (Long bean) มีเส้นใย ช่วยลดคอเลสเตอรอล มีวิตามินซี ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็ก บำรุงเลือด


28. มะเขือเทศ (Tomato) มีวิตามินเอสูง วิตามินซี รสเปรี้ยว ช่วยกระตุ้นน้ำย่อย และแก้อาการคอแห้ง


29. กะหล่ำปลี (White cabbage) มีกลูโคซิโนเลต เมื่อแตกตัวจะเป็นสารต้านมะเร็ง และมีวิตามินสูง


30. มะเขือพวง (Plate brush eggplant) ช่วยให้เจริญอาหารและช่วยลดความดันเลือด มีแคลเซียม และฟอสฟอรัส


31. ผักชี (Chinese parsley) ขับลม บำรุงธาตุช่วยย่อยอาหาร มีน้ำมันหอมระเหย แก้หวัด มีวิตามินเอและซีสูง


32. กุยช่าย (Flowering chives) มีกากใยช่วยระบายของเสีย มีธาตุเหล็กช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง


33. หัวไชเท้า (Chinese radish) แก้ไอ ขับเสมหะ เพิ่มภูมิต้านทางโรค มีสารช่วยให้กระเพาะอาหารและลำไส้บีบตัวได้ดี


34. กะเพรา (Holy basil) แก้อาการจุดเสียดแน่นท้อง มีเบต้าแคโรทีนสูง ป้องกันโรคมะเร็งและโรคหัวใจขาดเลือดได้


35. แมงลัก (Hairy basil) ช่วยย่อยอาหารป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ขับลม ขับเหงื่อ


36. ดอกแค (Sesbania) กินแก้ไขช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง เป็นยาระบายอ่อนๆ มีวิตามินเอสูง บำรุงสายตา


และ 37. หญ้าอ่อน กินเพิ่มความคึกคักให้กระชุ่มกระชวย หัวใจสูบฉีด สมองแจ่มใส อายุยืนยาว สำหรับทุกเพศโดยเฉพาะวัยสูงอายุ




วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

อาหารของความทุกข์คือ ความสนใจของเรา ยิ่งสนใจมาก ความทุกข์ก็อ้วนมาก

เราไม่สามารถยึดความทุกข์หรือความสุข ให้อยู่กับเราได้ตลอดไป..????



อาหารของความทุกข์คือ ความสนใจของเรา ยิ่งสนใจมาก ความทุกข์ก็อ้วนมาก

เรายังบังคับตัวเราเองไม่ได้ ทำไมเราต้องโกรธคนอื่นที่ไม่ได้ดั่งใจ




วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เราไม่สามารถยึดความทุกข์หรือความสุข ให้อยู่กับเราได้ตลอดไป..????

เราไม่สามารถยึดความทุกข์หรือความสุข ให้อยู่กับเราได้ตลอดไป..????



อาหารของความทุกข์คือ ความสนใจของเรา ยิ่งสนใจมาก ความทุกข์ก็อ้วนมาก


เรายังบังคับตัวเราเองไม่ได้ ทำไมเราต้องโกรธคนอื่นที่ไม่ได้ดั่งใจเรา....

"ลมหายใจ คือ เสียงสวดมนต์ ชีพจรคือเสียงย่ำระฆัง
ร่างกายคืออารามศักดิ์สิทธิ์ สองหูคือพุทธะ เช่นนี้ยังมีที่ใดไม่สงบสุข


ไม่จำเป็นต้องมาใช้ชีวิตในวัด ก็สามารถรักษาจิตใจให้สงบพิสุทธิ์ได้ด้วยตนเอง
ในทางกลับกัน หากจิตใจไม่อาจขจัดความฟุ้งซ่าน
แม้ว่าร่างกายจะอยู่ ณ อารามลึกเร้นในหุบเขา
...ก็มิอาจพบความสงบสุข ..."


"เซน" เน้นย้ำให้อยู่กับปัจจุบันขณะ ฉะนั้นไยต้องรอจนถึงวันพรุ่งนี้

เเด่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ชื่อว่าแม่

เเด่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ชื่อว่าแม่
เมื่อคุณเกิดมาในโลกนี้ แม่อุ้มคุณไว้ในอ้อมอก คุณขอบคุณแม่ด้วยการเปล่งเสียงร้องไห้


เมื่อคุณอายุ 1 ขวบ แม่ป้อนข้าวและอาบน้ำให้คุณ คุณขอบคุณแม่โดยการร้องไห้งอแง
เมื่อคุณอายุ 2 ขวบ แม่สอนให้คุณหัดเดิน คุณขอบคุณแม่ด้วยการวิ่งหนีทุกครั้งที่แม่เรียกหา
เมื่อคุณอายุ 3 ขวบ แม่ทำอาหารทุกอย่างให้คุณด้วยความรัก คุณขอบคุณแม่ด้วยการโยนจานลงบนพื้น
เมื่อคุณอายุ 4 ขวบ แม่ให้ดินสอสีแก่คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการระบายสีเลอะเต็มบ้าน


เมื่อคุณอายุ 5 ขวบ แม่แต่งชุดสวยๆ(หรือหล่อๆ)ให้คุณไปเที่ยว คุณขอบคุณแม่ด้วยการทำชุดเลอะโคลน
เมื่อคุณอายุ 6 ขวบ แม่ไปส่งคุณที่รร. คุณขอบคุณแม่ด้วยการร้องไห้ตะโกนว่า ' ไม่ไป... ไม่ไป... ไม่ไป... ''
เมื่อคุณอายุ 7 ขวบ แม่ซื้อไอศกรีมให้คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการทำมันหกเลอะเทอะไปทั่ว
เมื่อคุณอายุ 8 ขวบ แม่ซื้อลูกบอลให้คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการทำกระจกเพื่อนบ้านแตก


เมื่อคุณอายุ 9 ขวบ แม่สอนให้คุณเล่นเปียโน คุณขอบคุณแม่ด้วยการไม่เคยแม้แต่จะซ้อม
เมื่อคุณอายุ 10 ขวบ แม่พาคุณไปเรียนพิเศษและพาไปงานวันเกิดเพื่อน คุณขอบคุณแม่ด้วยการกระโดดลงจากรถโดยไม่คิดที่จะหันกลับมามอง
เมื่อคุณอายุ 11 ขวบ แม่พาคุณกับเพื่อนไปดูหนัง คุณขอบคุณแม่ด้วยการขอที่นั่งคนละแถว(หรือขอให้แม่ไม่ต้องดู)
เมื่อคุณอายุ 12 ขวบ แม่เตือนคุณว่าอย่าดูทีวี คุณขอบคุณแม่ด้วยการรอให้แม่ไปข้างนอกแล้วดูต่อ
เมื่อคุณอายุ 13 ปี แม่บอกให้คุณตัดผม คุณขอบคุณแม่ด้วยการด่าแม่ว่า ' แม่นี่...ไม่มีรสนิยมเลย ไม่ต้องกะหนู(ผม)หรอก '
เมื่อคุณอายุ 14 ปี แม่จ่ายเงินซัมเมอร์แคมป์ที่แพงแสนแพงเพื่อให้คุณได้เรียนสิ่งที่ดีๆ คุณขอบคุณแม่ด้วยการไม่เขียนจดหมายหาแม่ซักกะฉบับ
เมื่อคุณอายุ 15 ปี แม่กลับบ้านหลักงานเลิกอยากกอดคุณสักกอด คุณขอบคุณแม่ด้วยการขังตัวเองอยู่ในห้อง
เมื่อคุณอายุ 16 ปี แม่สอนคุณขับรถ คุณขอบคุณแม่ด้วยการขับรถหนีแม่ไป??ที่ยว


เมื่อคุณอายุ 17 ปี แม่จ่ายค่าเรียนกวดวิชา คุณขอบคุณแม่ด้วยการให้แม่ส่งข้างนอกเพื่อจะได้ไม่อายเพื่อน
เมื่อคุณอายุ 18 ปี แม่ร้องไห้ในวันที่คุณจบชั้นมัธยม คุณขอบคุณแม่ด้วยการฉลองยันเช้า
เมื่อคุณอายุ 19 ปี แม่รอโทรศัพท์สายสำคัญ คุณขอบคุณแม่ ด้วยการใช้สายตลอดคืนนั้น
เมื่อคุณอายุ 20 ปี แม่ถามว่าคุณมีแฟนรึยัง คุณขอบคุณแม่ด้วยการตอบว่า ' แม่อย่ามายุ่งกะหนู(ผม)เลย '
เมื่อคุณอายุ 21 ปี แม่แนะนำอาชีพของแม่ให้คุณทำในอนาคตของคุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการพูดว่า ' หนู(ผม)ไม่อยากเป็นอย่างแม่ '
เมื่อคุณอายุ 22 ปี แม่อยากกอดคุณในวันรับปริญญา คุณขอบคุณแม่ด้วยการกอดกับเพศตรงข้ามกับคุณ
เมื่อคุณอายุ 23 ปี แม่ซื้ออพาร์ตเม้นท์และเฟอร์นิเจอร์ให้แก่คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการว่ากับเพื่อนๆลับหลังว่า ' มันช่างเชยและน่าเกลียดเสียนี่กระไร '
เมื่อคุณอายุ 24 ปี แม่บอกให้คุณพาแฟนของคุณมาหาแม่ เมื่อคุณพามา แม่ถามพวกคุณว่าอนาคตวางแผนไว้ว่าอย่างไร คุณขอบคุณแม่ด้วยการจ้องเขม็งและพูดว่า ' แม่จะมายุ่งอะไรกะหนูอีกเนี่ย '

เมื่อคุณอายุ 25 ปี ( สำหรับผู้ชาย)แม่ช่วยออกค่าสินสอดให้กับคุณ และบอกกับคุณว่าแม่รักคุณมากขนาดไหน คุณขอบคุณแม่ด้วยการพูดว่า ' อายคนอื่นเขาน่า แม่ '
( สำหรับผู้หญิง)แม่ช่วยออกค่าใช้จ่ายในงานแต่งงานให้คุณ และบอกว่าแม่รักคุณมากขนาดไหน คุณขอบคุณแม่ด้วยการพูดว่า ' หนูอยากไปอยู่ต่างประเทศเพื่อจะได้สวีทกับแฟนโดนไม่มีแม่ '
เมื่อคุณอายุ 30 ปี แม่โทรมาหาและแนะนำวิธีเลี้ยงเด็ก คุณขอบคุณแม่โดยการบอกว่า ' สมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้วล่ะค่ะแม่ '
เมื่อคุณอายุ 40 ปี แม่โทรมาชวนคุณไปงานวันเกิดญาติ คุณขอบคุณแม่และญาติว่า ' ตอนนี้ไม่ว่างเลย '
เมื่อคุณอายุ 50 ปี แม่ชราและไม่สบาย อยากให้คุณดูแล คุณขอบคุณแม่ด้วยการบอกว่า ' มันเป็นภาระนะแม่ หนูมีงานอีกเยอะแยะ '

และแล้ววันหนึ่ง แม่จากคุณไปอย่างสงบ และทุกอย่างที่คุณไม่เคยทำมาก่อน จะเหมือนฟ้าผ่าในใจคุณ
โปรดใช้เวลาสักนิด แสดงออกถึงความลึกซึ้งแด่ ' แม่ '
ไม่มีอะไรมาแทนแม่ได้ แม้ว่าบางคราวแม่จะไม่ใช่คนที่เข้าใจคุณมากที่สุด หรือเห็นด้วยกับคุณ แต่ก็คือ ' แม่ ' ของคุณ และเชื่อได้ว่าจะทำทุกอย่างเพื่อคุณ รับฟังคุณ ความกังวลของคุณ
ลองถามตัวเองดู คุณมีเวลาที่จะฟังความเศร้า ความกังวลใจไม่ว่าจากการงาน จากงานบ้าน หรือจากงานในครัวของแม่ไหม คุณเคยนึกถึงความทุกข์ของแม่ที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อคุณและทุกคนไหม
รักแม่ให้มาก แม้ว่าจะคิดเห็นแตกต่างการ เพราะเมื่อแม่จากไป จะเหลือเพียงความเสียใจและความทรงจำเท่านั้น

วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ขี้เกียจลุกจากที่นอน เท่ากับขี้เกียจลุกขึ้นมาพบความ​สำเร็จ

1. ขี้เกียจลุกจากที่นอน เท่ากับขี้เกียจลุกขึ้นมาพบความ​สำเร็จ
2. ตั้งใจเปล่งเสียงพูดให้คนเกิดคว​ามเลื่อมใสศรัทธาคุณงามความดี แก้วเสียงจะฟังเพราะขึ้นทันทีไม​่ต้องรอชาติหน้า
3. ตอนคิดดี ใจคุณจะสว่าง มโนภาพภายในจะงดงาม ...หน้าตาจะดูใสสะอาดขึ้น และถ้าตั้งใจดีเป็นประจำกระทั่ง​ใจสะอาดใสเป็นปกติ ก็คู่ควรจะเป็นคนสวยหล่อต่อไป


4. เมื่อวานเดินมาถึงจุดหนึ่ง พอวันนี้ไม่ก้าวไปข้างหน้า พรุ่งนี้คุณจะรู้สึกว่าเริ่มถอย​หลัง
5.วันนี้คุณเดินมาไกลเกินกว่าจะ​ย้อนกลับไปแก้ไขความผิดพลาดของเ​มื่อวาน แต่ยังไม่สายที่จะปรับแก้แนวโน้​มความผิดพลาดของวันพรุ่ง
6.เผลอเป็นชู้หนเดียวคือมอมแมมแ​ต่ล้างออกด้วยมนุษยธรรมได้ ส่วนการคิดว่าเป็นชู้ไม่ผิดและท​ำเป็นว่าเล่น คือสกปรกจนต้องล้างด้วยไฟนรกสถา​นเดียว
7.ซื้อซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์คือการ​จ่ายค่าแรงตามจริง ผลคือคุณจะไม่ถูกโกงค่าแรง และจะไม่เกิดใหม่ในประเทศด้อยพั​ฒนาที่คนนิยมซื้อของเถื่อน
8.คนส่วนใหญ่ใช้เวลาในชีวิตครุ่​นคิดถึงเรื่องน่าเจ็บใจมากกว่าเ​รื่องน่าสบายใจ แค่นี้ก็เพียงพอจะเป็นเหตุให้ตา​ยอย่างไม่สบายใจแล้ว 9. เรามักเมาท์กันเรื่องความน่ากลั​วตอนโลกแตกและหลังไม่มีโลกอยู่ แต่ไม่เมาท์กันเรื่องมหันตภัยแห​่งบาปกรรมที่ร่วมกันพอกพูนเพิ่ม​ขึ้นทุกวัน
10. รักที่มีความสุข คือรักที่ให้ความร่วมมือ ไม่ใช่รักด้วยการยื่นมือรับ และยิ่งไม่ใช่รักด้วยวิธีแบมือข​อ
11. คุณต้องพูดและทำอะไรที่เข้าท่าม​ากมายหลายปีกว่าจะประสบความสำเร​็จ แต่เพื่อความล้มเหลวในชีวิต แค่คิดไม่เข้าท่าวันเดียวก็พอแล​้ว
12. เรื่องใดรบกวนจิตใจได้ คุณไม่มีทางตั้งใจสลัดทิ้งให้ขา​ด แต่อาจเฝ้าสังเกตว่ามันรบกวนจิต​ใจน้อยลงเรื่อยๆ เมื่อคุณไม่สู้และไม่เล่นกับมัน​
13. มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบเอา​สมองอันชาญฉลาดไปรับใช้หัวใจที่​โง่เขลา


14. ชีวิตเปลี่ยนทุกวัน แต่จะดูต่างไปจริงๆก็เมื่อคุณเห​็นและยอมรับว่าชีวิตไม่เที่ยง เป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่ใช่เป็นไปตามใจคุณ 15. ไม่เข้าใจเรื่องซับซ้อนไม่ได้แป​ลว่าตอนนี้โง่ แต่แกล้งไม่เข้าใจเรื่องง่ายๆจะ​เป็นเหตุให้โง่จริงในวันหน้า
16. ทางปากท้อง กินบ่อยถึงจะอิ่มนาน แต่ทางจิตใจ หยุดกินถึงจะอิ่มทน
17. ตอนคิดว่าจะมีชีวิตอยู่อีกนาน วันข้างหน้าดูน่าห่วงกังวลไปทั้​งหมด แต่ตอนคิดว่าอีกไม่กี่นาทีจะต้อ​งตาย วันที่ผ่านมาก็กลายของหลอกเล่นไ​ปทั้งนั้น
18. ถ้าพร้อมจะรักความอิ่มสุข นุ่มนวล เบิกบาน มีชีวิตชีวาในใจตน ก็แปลว่าคุณพร้อมจะรักทุกคน ไม่เว้นกระทั่งศัตรูผู้น่ารังเก​ียจ 19. สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตคือ​ความคิด เพราะความคิดอาจพังโลกได้ก่อนโล​กพัง และพาเราเข้าถึงความมืดได้ก่อนค​วามมืดจะมาถึง


20. ใช้ชีวิตแบบชาวพุทธที่มีความเบิ​กบาน คือวางแผนจะอยู่อย่างเจริญรุ่งเ​รืองไปอีกหลายสิบปี แต่ก็เตรียมตายอย่างสบายใจในวัน​นี้
21. คนพุทธที่ถึงความเป็นพุทธ จะไม่รอให้ใครมาบอกว่า "เราเตือนคุณแล้ว" เพราะคนพุทธระลึกได้ทุกวันว่า "เราเตือนตัวเองแล้ว!"
22. ชาวพุทธชอบเป็นพระรองที่คอยช่วย​คนอื่นอยู่เบื้องหลัง ไม่ใช่เป็นพระเอกที่ชอบหาศัตรูม​าทำลายให้ย่อยยับ
23. รางวัลของความเป็นพุทธคือการระง​ับจากความกระวนกระวายในวันที่กำ​ลังมีชีวิต ไม่ใช่ความกระสับกระส่ายอยากได้​มรรคผลในวันหน้า
24. ชาวพุทธมีปกติเห็นว่าแม้กายใจตั​วเองก็ไม่เที่ยงอยู่ทุกลมหายใจ ใจจึงเป็นปกติสุขกับการเลิกถือส​าอะไรๆที่ไม่เที่ยงนอกตัว 25. วันเย็นๆ ถ้าใครใจร้อน แสดงว่าใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว​ คนจะเห็นลางร้ายยังไงก็ช่าง พวกเราถือว่าวันเย็นๆเป็นลางดีก​็แล้วกัน 26. สำหรับคนดวงตก โชคชะตามีไว้ให้อยากรู้อนาคต แต่สำหรับคนดวงขึ้น โชคชะตามีไว้ให้อยากเอาชนะเดี๋ย​วนี้! 27. ไม่มีอะไรเป็นของคุณจริง ทุกสิ่งแค่มาลองใจว่าคุณเป็นคนแ​บบไหน ตระหนี่ ใจดี ขี้โกง หรือตรงไปตรงมา เหมาะจะลำบากหรือสบายในภายหน้า
28. ตอนสร้างปัญหาคุณคิดอย่างไรก็ได​้ตามใจชอบ แต่ตอนแก้ปัญหาต้องคิดเป็นตรงข้​าม คือไม่ใช่อะไรก็ได้ที่ชอบใจ
29. การหยุดหายใจที่ดีที่สุด คือการหยุดอย่างรู้ว่าลมที่หายไ​ปไม่ใช่เรา ตัวเราไม่ใช่เจ้าของลมหายใจ จะเป็นลมเพื่ออยู่หรือลมก่อนตาย​ก็ตาม
30. ห้ามคำพูดของตัวเองก่อนหลุดปากน​ั้นง่ายยิ่ง แต่ถอนความเจ็บใจของคนอื่นหลังฟ​ังคำบาดหูของเรานั้นแสนยาก
31. โลกนี้มีแต่คนตายไปแล้ว กับคนที่ขยับเข้าใกล้ความตายเข้​าไปทุกที และมีคนไม่มากนักใช้ชีวิตที่เหล​ือได้คุ้มพอ
32. เมื่อวานมีดีตรงที่เป็นฐานของวั​นนี้ วันนี้มีที่ยืนก็เพราะเมื่อวาน เมื่อวานช่วยให้วันนี้ไม่ต้องเส​ี่ยงผิดเสี่ยงถูกอย่างคนไม่เคยม​ีบทเรียนอะไรเลย
33. วันนี้ดีกว่าเมื่อวานตรงที่เป็น​ความจริงจับต้องได้ ไม่ใช่ความฝันที่เอาไว้นึกถึงให​้เหม่อลอยเปล่าๆ ..............................​...................

วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2554

อาหารคลายเครียด3
ความเครียดถือเป็นตัวการให้เกิดโรคร้ายนับไม่ถ้วน ยิ่งภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ สมุนไพรไทยที่ช่วยลดความเครียดและทำให้นอนหลับสบาย คือ ...
สายบัว ช่วยลดอาการเกร็งของลำไส้ และกระเพาะ ลดความเครียดทางสมอง

กะหล่ำปลี ช่วยลดความเครียด มีสารต้านทานมะเร็งในลำไส้

ขี้เหล็ก แก้นิ่วในไต ทำลายเชื้อมะเร็ง เป็นยานอนหลับชั้นดี

ใบบัวบก แก้ร้อนใน ทำให้ความจำดี ช่วยลดความเครียด



ฟ้าทะลายโจร แก้อาการปวดหัวแบบไม่มีสาเหตุ

มะนาว - มะกรูด ช่วยให้นอนหลับ บรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย และพริกไทย ทำให้สมองปลอดโปร่ง ช่วยลดเครียดได้ผลดี


เขียนโดย watcharee ที่ 23:38

วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2554



It doesn’t matter if you’ve failed dozens or even hundreds of times, because if you don’t give up, your success is inevitable. – Anonymous ข้อความนี้ต้องการจะบอกเราว่า มันไม่ใช่เรื่องสำคัญเลยที่เราจะล้มเหลวสักกี่ครั้งก็ตาม ขอเพียงแต่เราไม่หยุด หรือเลิก เราก็จะพบกับความสำเร็จได้

percent of the shots you never take.’ – Wayne Gretzky ถ้าคุณมีเป้าหมายแต่ไม่เคยที่จะลงมือปฏิบัติตนไปสู่เป้าหมาย ก็เหมือนกับการที่เรามีเป้าแต่ไม่เคยเหนี่ยวไกยิ่งเป้าเลย แบบนี้ก็มีแต่พลาดเป้าแน่นอน เพราะเราไม่เคยยิงมันออกไปเลย ดังนั้นเมื่อมีเป้าหมายแล้ว ขอให้เรามุ่งมั่นตั้งใจและลงมือทำมันอย่างจริงจัง เพื่อให้เราไปสู่เป้าหมายที่เราต้องการ เมื่อเรายิงแล้ว เรารู้ว่าพลาดเป้า เราก็จะสามารถพัฒนาปรับปรุงตนเอง เพื่อไม่ให้พลาดเป้าอีกในครั้งต่อไปครับ


The journey of a thousand miles must begin with a single step.’ – Lao Tzu การเดินทางไม่ว่าจะไกลแค่ไหนก็ตาม ล้วนเริ่มจากก้าวแรก ความสำเร็จก็เช่นกัน แม้ว่าเราจะตั้งเป้าไว้อย่างไรก็ตาม เราก็สามารถไปถึงได้ ขอเพียงให้เราเริ่มลงมือทำ ความสำเร็จก็จะมาหาเราได้สักวันหนึ่ง ขอเพียงมีความอดทน สม่ำเสมอ และไม่ล้มเลิกเท่านั้นครับYou miss 100

ความคิดของเรามักจะดึงดูดสิ่งที่เราคิดมาหาเราเสมอ


It’s your thinking that decides whether you’re going to succeed or fail.’ – Henry Ford ความคิดของเราเองนี่แหละครับที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จ หรือล้มเหลวได้เลย ถ้าเราคิดว่าเราจะสำเร็จ เราทำได้ เราก็จะทำได้ แต่ถ้าเราคิดเสมอว่าเราทำไม่ได้ เรามีแต่ปัญหา เราก็จะเจอแต่ปัญหาครับ มีข้อพิสูจน์มาเยอะแล้วครับว่า ความคิดของเรามักจะดึงดูดสิ่งที่เราคิดมาหาเราเสมอ ดังนั้นคิดดีไว้จะดีกว่านะครับ เพราะความคิดดีๆ จะดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตเราได้ครับ

คิดบวก เราเหลือ คิดเหนือ เราขาด"


Worrying is like a rocking chair. It gives you something to do but it doesn’t get you anywhere.’ – Van Wilder ความหมายก็คือ ความกังวัลที่เรามีอยู่ในจิตใจนั้นมันไม่ได้ช่วยให้เราทำอะไรได้ดีขึ้นเลย คนเราส่วนใหญ่มักจะกังวลมากกว่าที่ควรจะเป็นเสมอ ยิ่งไปกว่านั้นความวิตกกังวลนั้นไม่ได้ช่วยให้เราแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้เลย มีแต่จะทำให้เราจมอยู่กับปัญหา และท้อแท้ลงไปอีก ดังนั้นจงกังวลแต่พองาม พอได้สติแล้วก็พยายามหาทางแก้ไขปัญหานั้นให้ลุล่วงไปจะดีกว่าเอาเวลามานั่งกังวล

ภาวะสมองเสื่อม..กับไข่ไก่

เห็นว่ามีคุณค่าและเป็นประโยชน์ จึงอยากเผยแพร่ต่อ....
หากใครได้ดูรายการ "ข้อเท็จจริง..วันนี้" ทางช่องยูบีซี 7 ที่มีการการพูดคุยกับ ศ.นพ.รุ่งธรรม ลัดพลี เกี่ยวกับเรื่อง "ภาวะสมองเสื่อง..กับไข่ไก่" เรื่องที่มีการการสนทนากันนั้น พอจับใจความหลักๆ ได้ว่า ... จากค่านิยมเดิมๆที่ทราบกันว่า การบริโภคไข่ทุกวันนั้น จะไปเพิ่มระดับคลอเลสเตอรอลในเลือด ทางคุณหมอบอกว่าอยากให้เลิกค่านิยมดังกล่าวเสีย เพราะข้อเท็จจริงในปัจจุบันนั้น ไข่นับว่าเป็นอาหารราคาถูก ปรุงง่าย แต่มากด้วยคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด การที่หลายๆคนมีระดับคลอเสลเตอรอลในเลือดสูงนั้น เป็นเพราะตับทำงานไม่มีประสิทธิภาพเอง คุณหมอยังกล่าวอีกว่า สำหรับคนที่มีระดับคลอเลสเตอรอลสูงในระดับ 200 นั้น หากทานไข่แล้ว มันไปเพิ่มอีกเพียง 20 แต่ตรงกันข้ามประโยชน์ที่ได้จากการทานไข่ มันมากกว่าไอ้ส่วนที่ไปเพิ่มระดับคลอเลสเตอรอลในเลือด คุณหมอบอกว่า โรคอัลไซเมอร์นั้น ผลการวิจัยล่าสุด ระบุว่า เป็นเพราะอาการเลือดในสมองน้อย หรือเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ การรับประทานไข่ทุกวันๆละ อย่างน้อย 2 ฟอง จะช่วยได้มาก คุณหมอยังอ้างถึงและพูดถึงผู้สูงอายุว่าการบริโภคไข่ทุกวันนั้น ไม่มีปัญหาดังที่เราๆเข้าใจกันแบบผิดๆ คุณหมอรักษาผู้สูงอายุหลายๆคนที่มาให้การรักษาในหลายๆโรค ขนาดอายุ 80 กว่า คุณหมอยังแนะนำให้ทานไข่วันละ 2 ฟอง ผลก็คืออาการของโรคที่รักษาบรรเทาลง คนไข้มีอาการดีขึ้นกว่าเดิมมาก จากที่เดินไม่ค่อยได้ ก็กลับมาเดินได้ นี่เป็นตัวอย่างหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ไข่มีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นไข่ไก่,ไข่เป็ด,ไข่นกกระทา, และอีกหลายๆชนิด แต่ไข่ไก่ดีที่สุดในกลุ่ม ส่วนการนำมาประกอบอาหารนั้นแล้วแต่ใจชอบ ประกอบอาหารแบบไหนได้ทั้งนั้น คุณหมอเสริมว่า ส่วนของไข่ที่ดีที่สุดนั้น อยู่ที่จุดๆหนึ่งในไข่แดงที่มีลักษณะคล้ายๆเส้นใยยึดส่วนอื่นๆไว้ (หากไม่เคยสังเกต ก็ลองเตาะไข่ดิบดู) พร้อมกันนี้ ก็ได้มีการยกแผนภูมินำมาประกอบว่าประเทศไทยมีการบริโภคไข่ต่อคนมากน้อยเพียงใด ปรากฎว่า ต่ำกว่าหลายๆประเทศที่เจริญแล้ว โดยประเทศที่บริโภคไข่ต่อคนสูงสุด ก็คือญี่ปุ่น รองๆลงมาก็มีจีนแดง, สหรัฐอเมริกา, ฯลฯ คุณหมอยังให้ข้อคิดว่า ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ประชาชนส่วนใหญ่มีสติปัญญาที่ดี ทำไมอาหารมื้อเช้าทุกวัน ยังมีไข่เป็นส่วนประกอบเสมอ และทานกันทุกวัน แต่เรากลับยึดถือแต่ค่านิยมเรื่องคลอเลสเตอรอล.... การบริโภคไข่จะช่วยบำรุงสมองเป็นอย่างดี อย่าไปสนใจพวกอาหารเสริมที่โฆษณากันเลย ไข่นี่แหละสุดยอดของอาหารแล้ว หากอยากฉลาด ต้องทานไข่ คุณหมอยังเสริมว่าภาวะเลือดที่ข้นเกินไป จะไม่เป็นผลดี เพราะการนำสารอาหารไปหล่อเลี้ยงร่างกายจะไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นควรดื่มน้ำสะอาดให้มากๆในแต่ละวัน

ในดีมีเสีย ในเสียมีดี



ทำไมมักเจอสิ่งที่ไม่ชอบใจอยู่เสมอ?
ผู้รู้บอกว่า ศิลปินอย่าดูหมิ่นศิลปะ กองขยะดูดีๆ ยังมีศิลป์
ดังนั้น ในสิ่งที่คุณไม่ชอบ ย่อมมีแง่มุมที่คุณชอบอย่างแน่นอน
มองอย่างพินิจจะพบว่า ในดีมีเสีย ในเสียมีดี

ท้อแท้กับปัญหามากมายทำอย่างไรดี?
ปลาที่ยังเป็นอยู่ ล้วนเรียนรู้ที่จะว่ายทวนน้ำ
ส่วนปลาตาย มักไหลตามน้ำ
ปัญหาทำให้คนธรรมดาท้อ แต่ทำให้คนมีปัญญาลุกขึ้นมาแก้ไข

โดนเพื่อนร่วมงานแย่งซีนทำอย่างไร?
เขาแย่งจากเราได้เพียงแค่ซีนและภาพลักษณ์เท่านั้น
แต่เขาไม่สามารถแย่งความรู้และความสามารถไปจากเราได้

สวดมนต์บทไหนดี?
(๑) สวดพุทธคุณเพื่อเตือนว่า จงเป็นผู้ตื่น
(๒) สวดธรรมคุณเพื่อเตือนว่า จงเว้นสิ่งที่ควรเว้น จงทำสิ่งที่ควรทำ
(๓) สวดสังฆคุณเพื่อเตือนว่า พระอรหันต์ที่แท้คือพ่อกับแม่ที่อยู่ในบ้านของเรานั่นเอง

โดนขับรถปาดหน้า โมโหมาก?
(๑) บอกตัวเองว่าโกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ด่าคือมาร ระรานคือบาป
(๒) เปลี่ยนการด่าเป็นการแผ่เมตตาให้เขาถึงที่หมายโดยปลอดภัย
(๓) เตือนตนไว้ว่า อย่าขับรถปาดหน้าใคร เพราะอาจมีอันตรายรอบด้าน




ไหว้พระขอพรอะไรดี?
(๑) ขออย่าให้โลภจนหน้ามืด
(๒) ขออย่าให้โกรธจนทำร้ายตัวเอง
(๓) ขออย่าให้หลงจนไม่รู้ดีรู้ชั่ว
(๔) ขออย่าให้ตายในสงครามระหว่างคนไทยด้วยกันเอง

มองเป็นก็เห็นสุข




มองเป็นก็เห็นสุข
ลื๊อมีร่มไม๊...แค่คำนี้ นิสัยผมเปลี่ยนทันที



สมัยก่อน ผมเป็นคนที่จริงจังกับความรักมาก ทุ่มเทกับแฟน หรือสาวที่จีบแบบสุดๆ จีบก็จีบทีละคน รักใครรักจริง Take care กระจายไม่ได้กลัวตัวเองเหนื่อย ยอมประหยัดเงินสารพัด ทำงานพิเศษ ได้เงินมาเลี้ยงแฟน อะไรอย่างนั้น ฟังๆดู ก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไปอ่ะนะครับ แต่การเรียนก็ไม่ให้เสียนะครับ ผมก็ตั้งใจเรียนด้วย เพราะสัญญากับป๊าและม้า (พ่อกับแม่)ไว้ ว่าจะเอาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาให้ท่าน ซึ่งสุดท้ายก็ทำได้จริงๆ [ เก่งไม๊เล่า ขออวดหน่อย :) ]
แต่ยังไงก็แล้วแต่ ด้วยความที่รักแฟนมาก แน่นอน เราย่อมมีเวลาให้แฟนอย่างที่สุด จนลืมนึกถึงคนที่รักเราและดูแลเรามาตลอดทั้งชีวิต อย่างป๊าและม้า หลายๆครั้งท่านทั้งสองก็ห่วงเรา คอยเตือนเรา เพราะคุยโทรศัพท์ก็เสร็จดึก วันธรรมดาเรียนเสร็จก็ต้องไปส่งบ้าน กลับบ้านดึกมาก ข้าวก็กินดึก กับข้าวที่ม้าทำไว้ให้ บางทีก็ไม่ได้กิน เพราะไปกินกับแฟนแล้ว วันเสาร์อาทิตย์ ก็ไปหาแฟน เก็บเงินไว้ซื้อของให้แฟน หายใจเข้าออกเป็นสาวคนนั้นเลยทีเดียว เวลามีให้แฟนมากกว่าที่มีให้ตัวเองและป๊าม้า หลายๆครั้ง ป๊าม้าคอยเตือน เพราะท่านห่วงเราว่าจะไม่ได้พักผ่อน กลัวเหนื่อย กลัวเสียการเรียน แต่เราก็อดที่จะหงุดหงิดไม่ได้ มีปากเสียงกับท่าน ทำให้ท่านเสียใจไปก็คงไม่น้อยหล่ะ (รู้สึกผิดจริงๆ)
ทีนี้ แน่นอนว่า ความรักผม มันไม่ได้ยืนยาวหรอกครับ....และแล้ว มันมาถึงจุดสิ้นสุดของความรัก แต่ก็เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตด้วยเหมือนกัน....
....ช่วงใกล้ๆเลิกกับแฟน เพราะแฟนคนนี้ มีหนุ่มมาจีบใหม่ ซึ่งแน่นอน...ดีกว่าผมทุกอย่าง ยกเว้นหน้าตา 5555 (อันนี้ให้หลายๆคนตัดสินนะนั่น ไม่ได้คิดเองนะคร๊าบบบบบ).....แฟนเริ่มเปลี่ยนไป หงุดหงิดเราง่ายขึ้น ไม่คุยเหมือนเดิม ไม่ได้เที่ยวกันเหมือนเดิม แล้วยังไงดีหล่ะ เราก็เสียใจ หงุดหงิดเหมือนกัน อารมณ์แปรปรวน ว๊ากที่บ้านไปก็มีบ้าง เวลาคนที่บ้าน ป๊าม้า พี่น้องเตือนเรา ก็คนมันหงุดหงิดอ่ะนะ ทำไงได้
แล้ววันที่ทำให้ผมคิดได้ก็มาถึง
วันนั้นผมทำงานที่มหาลัยเสร็จค่ำมาก หน้าฝน แน่นอน ฝนตกหนัก...ระหว่างผมนั่งรถเมล์กลับบ้าน ก็คิดถึงแฟน (ที่กำลังจะเลิกกัน) ก็เลยโทรหา บทสนทนาคร่าวๆ:-

ผม: อยู่ไหนครับ ทำอะไรอยู่ ฝนตกหนักหรือเปล่าตรงนั้น
แฟน: กำลังกลับบ้าน ตก มีอะไรก็รีบๆพูด
ผม: มีร่มไม๊
แฟน: ไม่มี
ผม: แล้วทำยังไง เดี๋ยวตากฝน ไม่สบายนะ
แฟน: ไม่เป็นไร จัดการเองได้ โตแล้ว
ผม: แล้วกินอะไรหรือยัง
แฟน: ยัง ยังไม่หิว
ผม: กลับบ้านดีๆนะ ถ้าฝนตกหนัก หาที่หลบก่อน รอฝนซาแล้วค่อยกลับ ดูแลตัวเองด้วย เป็นห่วง
แฟน: (เริ่มหงุดหงิด) อืม รู้แล้ว ไม่มีอะไรใช่ไม๊ แค่นี้นะ !! ..... แล้วก็วางหูไป

ตอนนั้น ผมอยู่บนรถเมล์แล้วนะครับ หลังจากวางหูไป ผมเสียใจมาก เพราะว่าเราหวังดี ไม่คิดว่าจะทำให้รำคาญ....และแล้ว จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดก็มาแล้ว เสียงโทรศัพท์ดังครับ......

ผม: ฮัลโหล
ป๊า: (เรียกชื่อผม) ลื๊ออยู่ไหนเนี่ย
ผม: อยู่บนรถเมล์ ป๊ามีอะไร กำลังกลับบ้าน
ป๊า: กินข้าวหรือยัง
ผม: ยังอ่ะ
ป๊า: เออๆ ที่บ้านอาม้าทำกับข้าวไว้แล้ว มี (บอกชื่อกับข้าว)
ผม: อืม
ป๊า: แถวบ้านฝนตกหนักนะ ลื๊อเอาร่มไปหรือเปล่าเนี่ย
ผม: ไม่มีอ่ะ ไม่ได้เอามา
ป๊า: อ้าว แล้วเดี๋ยวลงรถ จะทำไง จะตากฝนกลับบ้านเหรอ (จากป้ายรถเมล์ ผมต้องเดินอีกไกลกว่าจะถึงบ้าน)
ผม: อืมๆ ไม่เป็นไร เดี๋ยวลุยกลับบ้านไป แป๊ปเดียว ไม่เป็นไรหรอก
ป๊า: เออๆ เอางี๊ ลื๊อลงรถแล้วโทรหาป๊า เดี๋ยวป๊าเอาร่มไปรับ
ผม: ไม่เป็นไรป๊า เดี๋ยวเค้ากลับเอง (ผมใช้แทนตัวเองว่า “เค้า” กับป๊าและม้ามาตั้งแต่เด็กๆ...ดูเป็นลูกแหง่เนอะ ^^”)
ป๊า: เออๆ ลงรถแล้วโทรมาละกัน แค่นี้แหละ....วางหู

....สังเกตอะไรกันไม๊ครับ...

...บทสนทนาผมกับแฟน แทบจะเหมือนกับที่ป๊าพูดกับผมเลย...นั่นหล่ะครับจุดเปลี่ยน

...ในขณะที่เราห่วงใครบางคน ใครก็ไม่รู้ ผู้หญิงที่รู้จักมาไม่เกิน 2 ปี รัก และพยายามดูแลทุกอย่าง จะโดนด่าให้เจ็บช้ำน้ำใจขนาดไหนก็ทนเหลือเกิน จะห่วงเค้า แล้วเค้าเห็นค่าของเราหรือเปล่าก็ไม่รู้
...แต่มีชายหญิงคู่หนึ่ง รักเรามากกกกกก มากจริงๆ ถึงแม้จะไม่เคยพูดว่ารักเลย แต่การแสดงออก มันใช่ ต้องใช่แน่ๆ มันเป็นอะไรที่พูดยาก.....เอ้ย เริ่มเป็นเพลง...เอาใหม่ๆ
...มีชายหญิงคู่หนึ่ง ก็พ่อแม่เรานี่หล่ะ รักเรามาก ไม่เคยหวังผลตอบแทน ห่วงเราได้ทุกสถานการณ์ ต่อให้เราเคยหงุดหงิด มีปากเสียงกับท่าน ถามว่าท่านโกรธไม๊....แหะๆ ก็คงมีบ้าง แต่ท่านก็ไม่ได้คิดอะไร และสุดท้ายความโกรธนั้นก็หาย และท่านก็ยังรัก หวังดี แล้วก็ห่วงเราเหมือนเดิม
แต่แปลก ทำไมเราต้องไปสนคนอื่น แคร์คนอื่น ไปเสียใจ เพราะคนอื่นไม่รัก โอย ฟูมฟายกันเลยทีเดียว ตอนเลิกกับแฟน
เราเสียใจให้กับคนที่เรารัก แล้วไม่รักแล้ว....แล้วรู้ไม๊ว่า
คนที่รักเราที่สุดในโลก พ่อแม่เรา เค้าเสียใจมากขนาดไหน ที่เห็นเราเสียใจ เห็นเราเป็นทุกข์
เราเคยคิดอย่างนี้กันบ้างหรือเปล่า
กับคนที่เรารัก เราซื้อของให้ มีเวลาให้ ดูแลสารพัด Take care สารพัด
กับคนที่รักเราที่สุดในโลก เราเคยซื้อของดีๆแพงๆให้บ้างไม๊ เคยพาท่านไปดูหนัง เคยเลี้ยงข้าวท่าน เคยดูแลท่านเหมือนนี่ทำกับแฟนไม๊
แปลกดีเนอะ....เราไปรัก แล้วก็ดูแลใครก็ไม่รู้ เพิ่งรู้จักกันแค่ไม่นาน
แต่คนที่เราเห็นหน้ามาตั้งแต่ลืมตาดูโลกครั้งแรก ไม่เคยคิดจะดูแล

....นี่หล่ะครับ ความคิดที่ออกมาทั้งหมด หลังจากแค่ป๊าถามว่า.... แล้วลื๊อมีร่มไม๊
ตั้งแต่วันนั้น ผมเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยครับ ไม่สนคนอื่นแล้ว ถึงผมจะมีแฟนใหม่ ผมดูแลแฟนผม แต่แน่นอน ไม่เท่ากับที่ผมดูแลคนที่บ้าน
ผมบวชให้ป๊าให้ม้า ผมเลิกเหล้า เลิกบุหรี่ เพื่อป๊ากับม้า ---> ผมพาป๊า ม้า ไปกินข้าว กินอาหารในร้านอาหารนอกบ้านบ่อยขึ้น อยู่บ้านมากขึ้น
(แหงหล่ะสิ ก็ถึงตอนนี้ มันโสดนี่หว่า จะให้ไปเที่ยวที่ไหน) พาป๊าม้าไปทำบุญที่วัดบ่อยเท่าที่มีโอกาส
Jผมซื้อของขวัญเล็กๆน้อยๆให้ป๊ากับม้า ทุกครั้งที่ได้มาทำงานหรือดูงานต่างประเทศ ถึงแม้บางที จะทำเป็นบ่นว่าซื้อมาทำไม แพงเปลืองตังค์ แต่...แหนะ อย่ามาแอ๊บ เห็นนะว่าแอบยิ้ม
และแน่นอนครับ ผมมีความสุขมากขึ้น มากขึ้นมากๆจริงๆ เพราะว่า
ผมเห็นคนสองคน ที่รักผมมากที่สุด และผมก็รักเค้าทั้งสองคนมากที่สุด มีความสุข
.......จบบริบูรณ์...

ขอขอบคุณทุกท่านที่อดทนอ่าน หวังว่าคงช่วยทำให้น้องๆเพื่อนๆหลายๆคน หันมารักพ่อแม่มากขึ้นนะ แล้วก็ทำใจได้เร็วขึ้น ถ้าผิดหวังจากคนรักมาอ่ะนะ..อย่าลืม
พ่อแม่มีไว้ให้รักให้ดูแลนะครับ ไม่ได้มีไว้ให้ขอเงินไปซื้อของ กับกินขนม :)

วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ฮวงจุ้ยบนโต๊ะทำงาน

แก้เคล็ดเสริมดวงบนโต๊ะทำงาน (Teenpath)

 

มีปัญหากับเจ้านาย ที่ทำงานวุ่นวายมาก งานมีปัญหาบ่อย เจ้านายไม่ค่อยส่งเสริม เพื่อนร่วมงานขี้อิจฉา ให้แก้เคล็ดตามวันเกิดดังต่อไปนี้

 

คนเกิดวันอาทิตย์

 

มีปัญหากับเจ้านาย  ควรจะเสริมดวงชะตาด้วยน้ำ 1 แก้วใหญ่ หรือจะใส่ในแจกันแก้วใสวางไว้บนมุมขวามือของโต๊ะทำงาน ห้ามนำไปดื่ม และเทน้ำทิ้งทุกวัน น้ำจะเป็นตัวตกกระทบพลังด้านลบต่างๆ และจะช่วยแก้ไขปัญหาให้ค่อย ๆ เย็นลงได้

 

มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน  ควรจะแก้เคล็ดเสริมดวงด้วยการนำต้นไม้ต้นเล็ก ๆ มาวางบนโต๊ะทำง่านหรือชั้นวางของข้างหลังที่นั่ง จะเป็นบอนไซ ตะโกดัด หรืออะไรก็ได้ และควรจะมีดินด้วย แต่อย่าใช้ดินวิทยาศาสตร์

 

ที่ทำงานวุ่นวาย  เมื่อมีแต่เรื่องที่ทำให้เครียด ไม่สบายใจ ควรใช้หินโรสควอตซ์สีชมพูตกแต่งเป็นต้นไม้ต้นเล็ก ๆ นำมาวางไว้บนโต๊ะทำงาน ก็จะสามารถแก้เคล็ดเสริมดวงชะตาให้ดีขึ้นได้เช่นกัน

 

คนเกิดวันจันทร์

 

มีปัญหากับเจ้านาย  ควรนำสิ่งของเคริ่องใช้บางอย่างที่ทำด้วยมุก หรือเปลือกหอยชิ้นขนาดเหมาะมือมาวางบนโต๊ะทำงาน จะเป็นที่ทับกระดาษหรือกล่องใส่นามบัตรก็ได้ จะช่วยขจัดปัญหายุ่งเหยิงออกไปได้บ้าง

 

มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน  ให้ใช้หินอความารีนสักก้อนหนึ่งมาวางบนโต๊ะทำงาน หินจะช่วยส่งคลื่นพลังให้คนรอบข้างจิตใจเย็นลง และมองเราในแง่ดี ตัดความวุ่นวายยุ่งเหยิงในจิตใจของคุณ

 

ที่ทำงานวุ่นวาย  หากที่ทำงานมีแต่เรื่องที่ทำให้เครียดไม่สบายใจ ให้ใช้แจกันปากกว้างหรือถ้วยแก้วใสใส่น้ำและลอยดอกไม้ที่มีสีฟ้า น้ำเงิน หรือม่วง ใช้เป็นดอกไม้ผ้าหรือพลาสติกก็ได้ จะช่วยบำบัดสถานที่ต่าง ๆ ให้คนเกิดวันจันทร์สงบลง คลายความเคร่งเครียดวุ่นวายลงได้บ้างไม่มากก็น้อย

 

คนเกิดวันอังคาร

 

มีปัญหากับเจ้านาย  ควรถือเคล็ดด้วยการสวมเสื้อผ้าโทนสีเขียวให้บ่อยครั้ง ให้กลัดเข็มกลัดรูปใบไม้ติดตัวทุกวัน โดยเฉพาะในยามที่ต้องเข้าพบเจ้านาย จะช่วยลดการประทะเจ้านาย เชื่อมั่น เชื่อถือในความคิดของคุณ

 

มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน  ให้นำเทียนแท่งที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 นิ้ว ซึ่งเน้นให้มีสีเขียว มาวางบนโต๊ะทำงานจะขจัดปัญหายุ่งเหยิงขัดแย้งได้มาก

 

ที่ทำงานวุ่นวาย  ควรใช้หินสีเขียวสดใส เช่น กรีนอเวนเจอรีน มาวางบนโต๊ะทำงาน จะใช้หินก้อนหรือเป็นแท่ง ๆ ก็ได้ จะช่วยบำบัดสถานที่ต่าง ๆ ที่วุ่นวายให้สงบลงได้

 

คนเกิดวันพุธ

 

มีปัญหากับเจ้านาย  ควรถือเคล็ดด้วยการวางข้าวของเครื่องใช้ที่มีปลายแหลม และมีสีทองไว้บนโต๊ะทำงาน จะเป็นนาฬิกาตั้งโต๊ะหรือถ้วยรางวัลอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ จะเสริมความเข้มแข็ง มั่นคงให้กับสถานภาพการงานของคุณ

 

มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน  ควรจะใช้ถ้วยแก้วปากกว้าง 1 ใบ ใส่หินอเมทิสต์เอาไว้อย่างน้อย 3-4 ก้อน หรือมากกว่า จะช่วยขจัดปัญหาทั้งกับเพื่อนร่วมงานที่อิจฉาริษยา ขัดแย้งกับคุณไปจนถึงการบำบัดสถานที่ จะช่วยให้ความระส่ำระสายยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นในที่ทำงานคลายความยุ่งยากลง ผู้คนที่อยุ่ร่วมกันก็มีจิตใจสงบดีขึ้น

 

คนเกิดวันพฤหัส

 

มีปัญหากับเจ้านาย  ควรนำรูปปั้น เช่น รูปปั้นนางฟ้ามีปีก หรือเทวรูปบางอย่าง เช่น พระพิฆเนศ มาวางบนโต๊ะทำงาน จะช่วยเสริมดวงชะตาให้มั่นคง กล้าแข็ง เจ้านายเกรงอกเกรงใจ

 

มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน  ควรใช้แจกันดอกไม้สีเหลือง หรือขวดแก้วทรงสูงปักดอกไม้สีเหลือง มาวางบนโต๊ะทำงานหรือชั้นวางของข้างหลังที่นั่ง จะช่วยขจัดปัญหาเรื่องอิจฉาริษยาขัดแย้งกับคุณได้

 

ที่ทำงานวุ่นวาย  ถ้าต้องการการบำบัดสถานที่ทำงานให้คลายความยุ่งยาก ยุ่งเหยิง ควรจะติดภาพวิวทิวทัศน์ที่มีต้นไม้เขียวสด และมีถนนทอดยาวสุดสายตาเอาไว้เบื้องหลังที่นั่งของคุณ เพื่อเสริมดวงชะตาและแก้ปัญหาด้านนี้

 

คนเกิดวันศุกร์

 

มีปัญหากับเจ้านาย  ควรพกหินลาพิสลาชูรีติดตัว หรือสวมใส่เป็นเครื่องประดับอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ให้บ่อยครั้งในช่วงนั้น จะเสริมอำนาจบารมีและความเมตตาจากเจ้านายได้

 

มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน  ควรนำสิ่งของเครื่องใช้อะไรก็ได้ที่มีเสียงเพลงร่วมด้วยมาวางบนโต๊ะทำงาน เช่น วิทยุ กล่องดนตรี หรือการ์ดเสียงเพลง คลื่นพลังของเสียงจะช่วยขจัดความยุ่งเหยิงวุ่นวายต่าง ๆ รวมทั้งทำให้เราจิตใจ เย็นลงอยู่ในความสงบ และมองโลกในแง่ดีขึ้นด้วย วิธีนี้ยังช่วยขจัดปัญหาและความวุ่นวาย ยุ่งเหยิง ด้านสถานที่ทำงานด้วย

 

คนเกิดวันเสาร์

มีปัญหากับเจ้านาย  ควรเสริมดวงชะตาด้วยการวางโคมไฟ 1 ดวง ไว้บนโต๊ะทำงาน และเปิดให้มีแสงสว่างอยุ่ตลอดเวลา จะแก้เคล็ดเสริมดวงชะตาที่มีปัญหากับผู้ที่เหนือกว่าได้

 

มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน  หากเพื่อนร่วมงานอิจฉาริษายาหรือไม่ลงรอยกันบ่อยครั้ง ควรวางหินคริสตัลควอตซ์ที่เป็นแท่ง ๆ ไว้บนโต๊ะทำงาน จะเสริมให้จิตใจและอารมณ์เย็นลง เพื่อนร่วมงานเชื่อมั่น เชื่อถือ

 

ที่ทำงานวุ่นวาย  หากต้องการขจัดปัญหายุ่งยากยุ่งเหยิงในที่ทำงานก็ควรใช้น้ำรินน้ำไหลหรือน้ำผุด ขนาดพอดีๆมาวางเสริมในห้องทำงานหรือข้างโต๊ะทำงานของคุณ จะช่วยให้ภายในสถานที่ทำงานเกิดการถ่ายเท เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ไม่วุ่นวายเคร่งเครียดอย่างที่เป็นอยู่

 

 

ปล. สำหรับคนเกิดวันพุธและวันศุกร์ ไม่ต้องแก้ไขเรื่องที่ทำงานวุ่นวาย เพราะจะคลี่คลายไปในที่สุด

 

ขอบคุณ บทความดีๆ จาก : http://horoscope.kapook.com/view20632.html

วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เรามักจะติดกับดักแห่งความทุกข์-ความสุขเกิดขึ้นนี้


ชีวิตที่ดำเนินอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เต็มไปด้วยสุขๆ ทุกข์ๆ ปะปนกัน บางคราทุกข์จนหัวใจปิดตาย มองหาไม่เห็นแม้แต่ความสุขเพียงน้อยนิด บางครั้งสุขราวกับหัวใจติดปีกล่องลอย น่าหลงใหลจนลืมไปว่าความทุกข์อาจมาเยือนในสักวัน แล้วเรามักจะติดกับดักแห่งความทุกข์-ความสุขเกิดขึ้นนี้ จนทำให้ลืมมองไปว่า หากแปรเปลี่ยนความทุกข์ก็อาจจะพบเจอกับความสุข และเหนือความสุขที่น่าหลงใหล อาจมีความสุขที่สงบเย็นยิ่งกว่าก็เป็นได้

ไม่ว่าจะเพียรพยายามเพียงใดในที่สุดมันก็ต้องพลัดพรากจากเราไป


นอกจากเพศรส ความหนุ่มสาว และความสนุกสนานแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นยอดปรารถนาของคนส่วนใหญ่ในยุคบริโภคนิยม ได้แก่ ความสำเร็จ ซึ่งมักชี้วัดด้วยจำนวนทรัพย์สินเงินทอง ตำแหน่งหน้าที่ และชื่อเสียงเกียรติยศ ความสำเร็จดังกล่าวได้กลายเป็นตัวนิยามความหมายและคุณค่าของชีวิตผู้คน รวมทั้งถูกยกระดับให้กลายเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของชีวิต แม้มันจะมีเสน่ห์และความหอมหวน ทำให้ผู้คนมีความสุขในยามที่ได้ครอบครองมัน แต่ในเวลาเดียวกันมันก็เป็นที่มาแห่งความทุกข์ของผู้คน เช่นเดียวกับทรัพย์สินเงินทอง ตำแหน่งหน้าที่ และชื่อเสียงเกียรติยศ ความสำเร็จเป็นสิ่งที่ไม่จิรังยั่งยืน ดังนั้นเราไม่เพียงต้องเหนื่อยกับการไขว่คว้าไล่ล่ามันเท่านั้น หากยังต้องทุกข์กับการรักษามันเพื่อมิให้หลุดลอยไป แต่ไม่ว่าจะเพียรพยายามเพียงใดในที่สุดมันก็ต้องพลัดพรากจากเราไป มิพักจะต้องกล่าวว่าแม้ในขณะที่มันยังอยู่กับเรา เสน่ห์ของมันก็จืดจางลงไปเรื่อย ๆ จนมีความหมายกับเราน้อยลง

คู่มือปฐมพ​ยาบาลเบื้อ​งต้น

เมื่อใดแล เหล่ามนุษย์ผู้ถือตนว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ ได้เกิดความหวาดกลัว เกิดหัวใจสะดุ้งหวั่นไหว เมื่อใดแล เหล่ามนุษย์ผู้ถือตนว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ ได้เกิดความหวาดกลัว หรือว่า เกิดหัวใจสะดุ้งหวั่นไหว

เมื่อนั้น ขอให้ท่าน จงเปล่งคำว่า “พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ” ไว้เถิด


"พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ"
เมื่อ ใดแล เกิดความมัวเมาอันเป็นเหตุแห่งความไม่สงบวุ่นวาย พื้นแผ่นดินไหลอาบนองแดงฉานไปด้วยเลือด เปลวไฟแห่งความมุ่งร้ายเบียดเบียนแผดเผากระจายไป จิตใจของมวลหมู่มนุษย์กลับกลายไปเป็นดั่งเดรัจฉาน มีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แต่ภายในแผดเผาเร่าร้อน

เมื่อนั้น ขอให้ท่าน จงเปล่งคำว่า “พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ” ไว้เถิด

"พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ"

เมื่อ ใดแล ความรักเมตตาแห้งเหือดหายไปจากโลก ความกรุณาสงสารก็แห้งเหือดหายไป คนทั้งหลายเชือดเฉือนสายใยแห่งความรัก แม้ของมารดาตนเอง เกิดผืนแผ่นดินเลื่อนลั่น ฟ้าสั่นไหว

เมื่อนั้น ขอให้ท่าน จงเปล่งคำว่า “พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ” ไว้เถิด

"พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ"

พระ ผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใดแล ผู้ทรงขจัดเสียซึ่งความมืดมิดภายในจิตใจที่เร่าร้อนของปวงประชา มวลหมู่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ได้พบหนทางแสงสว่าง เพียงแค่ได้สัมผัสเส้นใยแห่งรัศมีที่แผ่ออกมาของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ ใด

ด้วยอานุภาพของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ขอพระสัทธรรมอันเป็นที่พึ่งพิง ขออริยสัจจ์คือความจริง จงเจริญรุ่งเรืองตลอดกาลนาน

ขอ มวลหมู่มนุษย์จงเห็นอกเห็นใจเกื้อกูลเอ็นดูกันเถิด ขอหมู่มนุษย์จงทนุถนอมความรัก ความเยื่อใยของมนุษย์ด้วยกัน อยู่อย่างร่มเย็นสันติสุขเถิด

ขอ บทแห่งมนต์อันประเสริฐ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของชาวโลก จงกระหึ่มกังวานไปในทุกครัวเรือน เพื่อนมนุษย์เอ๋ย ขอให้ท่าน จงหมั่นเปล่งคำว่า "พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ" ไว้บ่อย ๆ เถิด

"พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ"

วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554

ถ้ายิ้มให้กับคนที่อยู่ในกระจก รับรองว่าเค้าต้องยิ้มตอบกลับมาทุกครั้งแน่!


นึกว่าเสมอว่าการโกรธ 1 นาที จะทำให้ความทุกข์อยู่กับเธอ 3 ชั่วโมง
* ถ้ายิ้มให้กับคนที่อยู่ในกระจก รับรองว่าเค้าต้องยิ้มตอบกลับมาทุกครั้งแน่!
* หลับตานิ่งๆ ซัก 3 นาที เมื่อรู้สึกว่าอะไรตรงหน้ามันช่างยากจัง
* ระหว่างแปรงฟันถ้าฮัมเพลงด้วยไปจนจบจะทำให้ฟันสะอาดขึ้น 2 เท่าแน่ะ
* เคี้ยวข้าวแต่ละคำให้ช้าลง จากที่รสชาติธรรมดาก็จะอร่อยขึ้นเยอะ
* ควรหัดพูดคำว่า ไม่เป็นไร ให้เคยปากมากกว่าการพูดคำว่า จะเอายังไง
* สัตว์เลี้ยงที่บ้านเก็บความลับเก่ง เรื่องที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้จึงเล่าให้มันฟังได้
* อาหารที่ไม่ชอบกินตอนเด็ก ลองตักเข้าปากอีกที เผื่อจะกลายเป็นอาหารจานโปรด
* เขียนชื่อคนที่เธอเกลียดใส่กระดาษแล้วฉีกทิ้งความเกลียดจะเบาบางลงเรื่อยๆ
* ให้ปล่อยน้ำตาไหลโดยไม่ต้องเช็ด เมื่อน้ำตาแห้ง จะดูไม่ออกว่าเพิ่งร้องไห้มา
* ก่อนจะซื้ออะไรก็ตาม ต้องคิดหาประโยชน์ของมันให้ได้อย่างน้อย 3 ข้อก่อน
* ถึงเสื้อกางเกงในตู้จะมีอยู่น้อย แต่ถ้าสลับกันไปเรื่อยๆก็ดูเหมือนจะเยอะขึ้น
* เลือกให้ของขวัญคนที่ไม่เคยได้ ดีกว่าคนได้เยอะจนจำชื่อคนให้ไม่หมด
* ในวันที่รู้สึกเศร้าๆ เหงาๆ เดินไปซื้อดอกไม้ให้ตัวเองซักดอกแล้วจะดีขึ้น
* แอบรักใครซักคน ยังไงก็ดีกว่าไม่เคยรู้ว่าความรู้สึก รัก เป็นยังไง
* ถึงจะไม่ได้ออกไปไหน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแต่งตัวสวยๆ หล่อๆ ไม่ได้นี่
* พยายามอ่านหนังสือทุกชนิดในมือให้จบเล่มอาจไม่สนุกแต่มีประโยชน์แฝงอยู่
* วันที่ตื่นเช้าๆ ให้บิดขี้เกียจนานที่สุดเท่าที่จะทำนานได้ ถ้าขี้เกียจออกกำลังกายน่ะ
* รู้รึเปล่าว่าดอกไม้ที่บานอยู่กับต้น ยังไงก็อยู่ได้นานกว่าบานในแจกัน
* ทะเลาะกับใครๆ พร้อมรอยยิ้ม เรื่องราวจะจบง่ายกว่าที่คิดเยอะ
* เอารูปตัวเองตอนเด็กๆ มาดูตอนเครียดอารมณ์จะดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
* พยายามหาข้อบกพร่องของคนที่เธออิจฉาอย่างน้อยก็มีข้อปลอบใจตัวเองบ้าง!
* โทรไปหาแฟนแล้วพูดแคคำเดียวว่า คิดถึง พอวางสายแล้วต้องยิ้มทั้งคู่
* ในวงสนทนาถ้ายังนึกไม่ออกว่าจะคุยอะไรรอยยิ้มช่วยแก้สถานการณ์ได้
* ค่อยๆ เดินทอดน่องแบบสบายๆ ในวันที่ไม่มีธุระให้ต้องไปสะสาง
* ซื้อของฝากทุกคนในบ้าน ก็เหมือนกับการซื้อของฝากตัวเองนั่นแหละ
* จะหน้าตายังไงก็แล้วแต่ ถ้าทิ้งขยะลงพื้นก็กลายเป็นขี้เหร่ได้ทันตาเห็น
* นั่งสมาธิให้นานๆ และบ่อยๆ ก็ทำให้ผิวสวยขึ้นได้เหมือนกัน
* นอกจากตอนที่เคี้ยวข้าวแล้ว ไม่ว่าก่อนหรือหลังกินก็หัวเราะได้อร่อย
* จินตนาการถึงเรื่องที่อยากมีหรืออยากเป็นคือยานอนหลับอย่างหนึ่ง
* อ่านหนังสือหรือการ์ตูนโปรดเป็นการเติมน้ำมันให้ตัวเองอย่างดี
* ยังไม่มีใครเคยแย้งว่า การอาบน้ำไม่สามารถคลายเครียดได้จริงๆ
* ก่อนจะด่าใครให้นับ 1 ถึง 50 เผลอๆ อาจจะไม่อยากด่าแล้วก็ได้
* ไม่ต้องทำยังไงกับเพื่อนที่หักหลังก็แค่อย่าเรียกเค้าว่าเพื่อนก็พอแล้ว
* รักครั้งแรกส่วนใหญ่ก็อกหักทั้งนั้น น่าจะดีใจที่ไม่แปลกกว่าชาวบ้านเค้า
* การที่ทำของหายอาจเป็นการใช้หนี้ของชาติที่แล้วให้คนอื่นที่เก็บมันได้
* ถึงจะไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าซักบาท ยังดีกว่าไม่มีเสื้อผ้าให้ใส่ตั้งเยอะ
* หนี้ที่โดนเบี้ยวไป ทำให้เรารู้จักใครบางคนดีขึ้นโดยไม่ต้องใช้เวลามาก
* คนอื่นไม่เข้าใจเราไม่เห็นแปลก ในเมื่อเราก็ไม่เข้าใจคนอื่นเหมือนกัน
* ไม่ต้องช่วยใครๆ ด่าตัวเอง ถ้าสิ่งที่ทำไปแน่ใจว่าพยายามเต็มที่แล้ว
* วิ่งให้เหนื่อยมากๆ ความโกธรจะได้ถูกขับออกมาพร้อมกับเหงื่อ
* ถ้ากลัวจะนอนฝันร้าย สวดมนต์ก่อนนอนเหมือนตอนเด็กๆ ดูสิ
* ของฝากสำหรับคนห่างไกล คือการโผล่ไปเซอร์ไพรส์ด้วยตัวเอง
* เพลงจังหวะมันๆ ทำให้คนฟังกระปรี้กระเปร่าได้โดยอัตโนมัติ
* อย่าเดาว่าอะไรอยู่ในกล่องของขวัญ แล้วจะไม่รู้จักคำว่าผิดหวัง

ชอบจัง


สูตรเกี่ยวกับบุคลิกของตัวเองที่ควรไปจะคู่ กับสูตรสุขภาพมีอย่างนี้

๑. อย่าเปรียบเทียบ ชีวิตของตัว เองกับคนอื่น คุณไม่รู้หรอกว่าคนที่คุณอิจฉานั้นเขา มีความทุกข์ยิ่งกว่าคุณอย่างไรบ้าง
๒. อย่าคิดทางลบ เกี่ยวกับ เรื่องที่คุณควบคุมหรือกำหนดไม่ได้ แทนที่จะมองโลก ในแง่ร้าย , ก็ทุ่มเทกำลังและพลังงานให้กับความคิด ทางบวก ณ ปัจจุบันเสีย
๓. อย่าทำอะไร เกินกว่าที่ตัวเองทำได้ ...รู้ว่าขีดจำกัดของตัวเองอยู่ที่ไหน
๔.. อย่าเอา จริงเอาจังกับตัวเองนัก เพราะคนอื่นเขา ไม่ได้ซีเรียสกับคุณเท่าไหร่หรอก
๕. อย่า เสียเวลา และพลังงานอันมีค่าของคุณ กับ เรื่องหยุมหยิม หรือเรื่องซุบซิบ....นอกเสียจากว่ามันจะทำให้คุณ ผ่อนคลายได้อย่างจริงจัง
๖. จงฝันตอนตื่น มากกว่าตอน หลับ
๗. ความ รู้สึกอิจฉาริษยาเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่า ๆ ปลี้ ๆ...คิดให้ดีก็จะรู้ว่าคุณมีทุกอย่างที่คุณจำเป็นต้องมีแล้ว
๘. ลืมเรื่อง ขัดแย้งในอดีตเสีย และอย่าได้เตือนสามี หรือภรรยาคุณเกี่ยวกับความผิดพลาดในอดีตของอีกฝ่ายหนึ่งเลย เพราะมันจะทำลายความสุขปัจจุบันของคุณ
๙. ชีวิตนี้สั้นเกินกว่าที่เราจะไปโกรธเกลียดใคร... จงอย่าเกลียดคนอื่น
๑๐.ประกาศ สงบศึกกับอดีตให้สิ้น , จะได้ไม่ทำลายปัจจุบันของคุณ
๑๑.ไม่มีใครกำหนดความสุขของคุณได้นอกจากคุณเอง
๑๒.จงเข้าใจเสียว่า ชีวิตก็คือโรงเรียน คุณมาเพื่อเรียน รู้ และ ปัญหาเป็น เพียง ส่วนหนึ่งของหลักสูตร ซึ่งมาแล้วก็หาย ไป...เหมือนโจทย์วิชาพีชคณิต...แต่สิ่งที่คุณเรีย?รู้นั้นอยู่กับคุณตลอด ชีวิต
๑๓. จง ยิ้มและหัวเราะมากขึ้น
๑๔. คุณ ไม่จำเป็นต้องชนะทุกครั้งที่ถก เถียงกับคนอื่น หรอก...บางครั้งก็ยอมรับว่าเราเห็นแตกต่างกัน ได้...เห็นพ้องที่จะเห็นต่างก็ไม่เห็นเสียหายแต่อย่างไร
แล้ว เราควรจะมีทัศนคติอย่างไรต่อชุมชนและคนรอบข้าง เราล่ะ ?

๑. อย่าลืมโทรฯหาครอบครัวบ่อย ๆ
๒. จงหาอะไรดี ๆ ให้คนอื่นทุกวัน
๓. จงให้อภัยทุกคนสำหรับทุกอย่าง
๔. จงหาเวลาอยู่กับคนอายุเกิน 70 และต่ำกว่า 6 ขวบ
๕. พยายามทำให้อย่างน้อย 3 คนยิ้มได้ทุกวัน
๖. คนอื่นเขาคิดอย่างไรกับคุณไม่ใช่ เรื่องของคุณสัก หน่อย
๗. งานของคุณไม่ดูแลคุณตอนคุณป่วยหรอก แต่ครอบครัวและเพื่อนคุณต่างหากเล่าที่จะดูแลคุณในยามคุณมีปัญหา สุขภาพ ดังนั้น , อย่าได้ห่างเหินกับคนใกล้ชิดเป็น อันขาด
และ ถ้าหากสามารถดำรงชีวิตให้มีความหมายได้ , ก็ควรจะทำ ดังต่อไปนี้
๑. ทำสิ่งที่ควรทำ
๒. อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ , ไม่สวย , ไม่น่ารื่นรมย์ , จงทิ้ง ไปเสีย...เก็บไว้ทำไม ?
๓. เวลาและพระเจ้าย่อมรักษาแผล ทุกอย่างได้
๔. ไม่ว่าสถานการณ์จะดีหรือเลวปานใด , เดี๋ยว มันก็เปลี่ยน
๕. ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรในตอนเช้าของทุกวัน , จงลุก จากเตียง , แต่ง ตัวและปรากฎตัวต่อหน้าคนที่เราร่วมงาน ด้วย... get up, dress up and show up.
๖. สิ่งที่ดีที่สุดยังมาไม่ถึง
๗. ถ้าคุณยังลุกขึ้นตอนเช้าได้ , อย่าลืมขอบคุณพระเจ้า หรือสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ที่คุณนับถือเสียด้วย
๘. เชื่อเถอะว่าส่วนลึก ๆ ในใจของคุณนั้นมีความสุข เสมอ...ดังนั้น , ส่วนนอกของคุณทุกข์โศกไปทำไมเล่า

และสุดท้ายที่สำคัญที่สุด

วันเสาร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2554

สอนใจตัวเองก่อน



ธรรมะเย็นใจ : สอนใจตัวเองก่อน

เมื่อเราเป็นผู้ใหญ่ เป็นครู เป็นพ่อแม่

มีลูกน้อง มีลูกศิษย์ มีลูก

สมมติว่าเราเป็นพ่อแม่มีลูก

เมื่อลูกทำผิดจริง ๆ แล้วเราโกรธ ใจร้อน อย่าเพิ่งสอนลูก

สอนใจตัวเองให้ระงับอารมณ์ร้อน ให้ใจเย็น ใจดี

มีเมตตาก่อน จนรู้สึกมั่นใจว่าใจเราพร้อมแล้ว

และดูว่าลูกพร้อมที่จะรับฟังไหม ถ้าเราพร้อม

แต่ลูกยังไม่พร้อม ก็ยังไม่ต้องพูด เพราะไม่เกิดประโยชน์

เราพร้อมที่จะสอน เขาพร้อมที่จะฟัง

จึงจะเกิดประโยชน์เป็นการสอน

ถ้าเราสังเกตุดู บางครั้งใจเรารู้สึกเหมือนอยากจะสอน

แต่ความเป็นจริงแล้วเราเพียงอยากระบายอารมณ์ของเรา

สิ่งที่เราพูดแม้เป็นเรื่องจริง แต่ก็แฝงด้วยความโกรธ

เพราะยังเป็นความใจร้อน มีตัณหา

ถ้าใจเราโกรธ พูดเหมือนกัน พูดคำเดียวกัน นั่นคือโกรธ

ถ้าใจเราดี ใจเขาดี คำพูดของเราเป็นประโยชน์ นั่นคือ

สอน

เมื่อเราอยู่ในสังคม สิ่งที่ต้องระวังคือ หากเห็นใครทำผิด

อย่ายึดมั่นถือมั่นในความรู้สึกและความคิดของตน

อย่ายินดี อย่ายินร้าย ใจเย็น ๆ ไว้ก่อน

พยายามอบรมใจตนเองว่า

ธรรมชาติของคนเรา มักจะมองข้ามความผิดของตนเอง

ชอบจับผิดแต่คนอื่น




มองเห็นความผิดของคนอื่นเหมือนภูเขา

เห็นความผิดตนเท่ารูเข็ม

ตดคนอื่นเหม็นเหลือทน

ตดตนเองเหม็นไม่เป็นไร

ปากคนอื่นเหม็นเหลือทน

ปากของตนเหม็นไม่รู้สึกอะไร
:
:

เรามักทุ่มใจ ไปอยู่ที่ความรู้สึกนึกคิดของตนเอง

อย่าเชื่อความรู้สึก อย่าเชื่ออารมณ์ อย่ายินดี ยินร้าย

พยายามรักษาใจเย็น ใจดี ใจกลาง ๆ

ปกติเราทำผิดเหมือนกัน เท่ากัน หรืออาจจะมากกว่าเขา

แต่ความรู้สึกของเรามักจะมากกว่าเขา

และไม่เห็นความผิดของตัวเองเลยน่ากลัวจริง ๆ

สังเกตุดู คนที่ขี้บ่น ขี้โมโหว่าคนอื่นทำอะไรไม่ดี ไม่ถูก

ตัวของเขาเอง คิดดี พูดดี ทำดีไหม....ก็อาจจะไม่

เราเองก็เหมือนกัน เมื่อเราเกิดอารมณ์ไม่พอใจ

อย่าเชื่อความรู้สึกให้ระงับอารมณ์เสีย ทำใจเป็นกลาง ๆ

ไว้
:
:

อย่าเชื่อความรู้สึก

อย่าเชื่ออารมณ์

อย่ายินดียินร้าย
:
:

ธรรมะของพระอาจารย์มิตซูโอะ เควสโก

วัดสุนันทวนาราม

บ้านท่าเตียน ตำบลไทรโยค อำเภอไทรโยค จังหวัด

กาญจนบุรี

จากหนังสือเหตุสมควรโกรธ....ไม่มีในโลก

วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2554

นึกเสมอว่าการโกรธ 1 นาที จะทำให้ความทุกข์อยู่กับเรา 3 ชั่วโมง


นึกเสมอว่าการโกรธ 1 นาที จะทำให้ความทุกข์อยู่กับเรา 3 ชั่วโมง


- ถ้ายิ้มให้กับคนที่อยู่ในกระจก รับรองว่าเค้าต้องยิ้มตอบกลับมาทุกครั้งแน่


- หลับตานิ่งๆ ซัก 3 นาที เมื่อรู้สึกว่าอะไรตรงหน้ามันช่างยากจัง


- ระหว่างแปรงฟันถ้าฮัมเพลงด้วยไปจนจบจะทำให้ฟันสะอาดขึ้น 2 เท่าแน่ะ


- เคี้ยวข้าวแต่ละคำให้ช้าลง จากที่รสชาติธรรมดาก็จะอร่อยขึ้นเยอะ


- ควรหัดพูดคำว่า “ไม่เป็นไร” ให้เคยปากมากกว่าการพูดคำว่า “จะเอายังไง”


- สัตว์เลี้ยงที่บ้านเก็บความลับเก่ง เรื่องที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้สามารถเล่าให้มันฟังได้นะ


- อาหารที่ไม่ชอบกินตอนเด็ก ลองตักเข้าปากอีกที เผื่อจะกลายเป็นอาหารจานโปรด


- เขียนชื่อคนที่เธอเกลียดใส่กระดาษแล้วฉีกทิ้ง ความเกลียดจะเบาบางลงเรื่อยๆ


- ปล่อยน้ำตาให้ไหลโดยไม่ต้องเช็ด เมื่อน้ำตาแห้ง จะดูไม่ออกว่าเพิ่งร้องไห้มา


- ก่อนจะซื้ออะไรก็ตาม ต้องคิดหาประโยชน์ของมันให้ได้อย่างน้อย 3 ข้อก่อน

วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2554

ในโลกนี้ มีเรื่องอะไรต่อมิอะไรหลายอย่างที่เราไม่สามารถให้เวลากับมัน หรือไม่สามารถทำในสิ่งนั้นให้ดีที่สุด


สุดมือสอยก็ปล่อยมันไป

เมื่อคุณชี้แจงไปแล้ว เขาก็ควรจะยอมรับฟัง แต่เมื่อเขาไม่ฟัง และคุณก็ได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุดไปแล้ว ก็คงต้อง “ปล่อยมันไป”

ในโลกนี้ มีเรื่องอะไรต่อมิอะไรหลายอย่างที่เราไม่สามารถให้เวลากับมัน หรือไม่สามารถทำในสิ่งนั้นให้ดีที่สุด แต่แล้วเราก็ต้องปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นผ่านไป เพราะหากเรามัว แต่จะ“นับเม็ดทรายในแม่น้ำคงคา” เวลาของคุณคงไม่พอเป็นแน่
(มีความหมายว่า จะพยายามทำให้คนทั้งโลกรู้สึกพอใจตัวเองในทุกเรื่อง)

ดังนั้น ทำอะไรก็ตาม ควรทำเท่าที่เราทำได้ เมื่อทำอย่างดีที่สุดแล้ว คนเขาไม่เห็นว่าดีก็ต้อง “ปล่อยมันไป”

เลือกทำในสิ่งที่เห็นว่า เราถนัดที่สุด และมีความสุขที่จะทำก็พอแล้ว
อะไรก็ตาม ที่เราไม่ถนัด หรือถึงถนัด...แต่ไม่มีความสุขที่จะทำ ก็อย่าทำ

เรามีเวลาไม่มากนักหรอกที่จะแบกสารพัดภาระในโลกนี้ ควรมองไหล่ของตัวเองดูสักหน่อยว่า พร้อมจะแบกเป้หลังที่มีน้ำหนักมากน้อยเพียงใด อย่าแบกอะไรที่เกินกำลังของตัวเองเพราะไม่เพียงแต่ม ันจะทำให้คุณเป็นทุกข์ แต่บางทีอาจมีผลต่อการยืนตรงๆ อย่างยาวนานของคุณด้วย

อาจจะมีคนชอบในตัวเรา10คน แต่ก็มีคนเกลียดเรา100คน


ไม่มีใครทำให้คนทุกคนรักเราได้
อาจจะมีคนชอบในตัวเรา10คน แต่ก็มีคนเกลียดเรา100คน
.แคร์คนที่แคร์เรา ไม่แคร์คนที่ไม่แคร์เรา
.มีมิตรแท้เพียงหนึ่ง ดีกว่ามีเพื่อนกินเป็น100