วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
อาหารของความทุกข์คือ ความสนใจของเรา ยิ่งสนใจมาก ความทุกข์ก็อ้วนมาก
เราไม่สามารถยึดความทุกข์หรือความสุข ให้อยู่กับเราได้ตลอดไป..????
อาหารของความทุกข์คือ ความสนใจของเรา ยิ่งสนใจมาก ความทุกข์ก็อ้วนมาก
เรายังบังคับตัวเราเองไม่ได้ ทำไมเราต้องโกรธคนอื่นที่ไม่ได้ดั่งใจ
อาหารของความทุกข์คือ ความสนใจของเรา ยิ่งสนใจมาก ความทุกข์ก็อ้วนมาก
เรายังบังคับตัวเราเองไม่ได้ ทำไมเราต้องโกรธคนอื่นที่ไม่ได้ดั่งใจ
วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
เราไม่สามารถยึดความทุกข์หรือความสุข ให้อยู่กับเราได้ตลอดไป..????
เราไม่สามารถยึดความทุกข์หรือความสุข ให้อยู่กับเราได้ตลอดไป..????
อาหารของความทุกข์คือ ความสนใจของเรา ยิ่งสนใจมาก ความทุกข์ก็อ้วนมาก
เรายังบังคับตัวเราเองไม่ได้ ทำไมเราต้องโกรธคนอื่นที่ไม่ได้ดั่งใจเรา....
"ลมหายใจ คือ เสียงสวดมนต์ ชีพจรคือเสียงย่ำระฆัง
ร่างกายคืออารามศักดิ์สิทธิ์ สองหูคือพุทธะ เช่นนี้ยังมีที่ใดไม่สงบสุข
ไม่จำเป็นต้องมาใช้ชีวิตในวัด ก็สามารถรักษาจิตใจให้สงบพิสุทธิ์ได้ด้วยตนเอง
ในทางกลับกัน หากจิตใจไม่อาจขจัดความฟุ้งซ่าน
แม้ว่าร่างกายจะอยู่ ณ อารามลึกเร้นในหุบเขา
...ก็มิอาจพบความสงบสุข ..."
"เซน" เน้นย้ำให้อยู่กับปัจจุบันขณะ ฉะนั้นไยต้องรอจนถึงวันพรุ่งนี้
อาหารของความทุกข์คือ ความสนใจของเรา ยิ่งสนใจมาก ความทุกข์ก็อ้วนมาก
เรายังบังคับตัวเราเองไม่ได้ ทำไมเราต้องโกรธคนอื่นที่ไม่ได้ดั่งใจเรา....
"ลมหายใจ คือ เสียงสวดมนต์ ชีพจรคือเสียงย่ำระฆัง
ร่างกายคืออารามศักดิ์สิทธิ์ สองหูคือพุทธะ เช่นนี้ยังมีที่ใดไม่สงบสุข
ไม่จำเป็นต้องมาใช้ชีวิตในวัด ก็สามารถรักษาจิตใจให้สงบพิสุทธิ์ได้ด้วยตนเอง
ในทางกลับกัน หากจิตใจไม่อาจขจัดความฟุ้งซ่าน
แม้ว่าร่างกายจะอยู่ ณ อารามลึกเร้นในหุบเขา
...ก็มิอาจพบความสงบสุข ..."
"เซน" เน้นย้ำให้อยู่กับปัจจุบันขณะ ฉะนั้นไยต้องรอจนถึงวันพรุ่งนี้
เเด่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ชื่อว่าแม่
เเด่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ชื่อว่าแม่
เมื่อคุณเกิดมาในโลกนี้ แม่อุ้มคุณไว้ในอ้อมอก คุณขอบคุณแม่ด้วยการเปล่งเสียงร้องไห้
เมื่อคุณอายุ 1 ขวบ แม่ป้อนข้าวและอาบน้ำให้คุณ คุณขอบคุณแม่โดยการร้องไห้งอแง
เมื่อคุณอายุ 2 ขวบ แม่สอนให้คุณหัดเดิน คุณขอบคุณแม่ด้วยการวิ่งหนีทุกครั้งที่แม่เรียกหา
เมื่อคุณอายุ 3 ขวบ แม่ทำอาหารทุกอย่างให้คุณด้วยความรัก คุณขอบคุณแม่ด้วยการโยนจานลงบนพื้น
เมื่อคุณอายุ 4 ขวบ แม่ให้ดินสอสีแก่คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการระบายสีเลอะเต็มบ้าน
เมื่อคุณอายุ 5 ขวบ แม่แต่งชุดสวยๆ(หรือหล่อๆ)ให้คุณไปเที่ยว คุณขอบคุณแม่ด้วยการทำชุดเลอะโคลน
เมื่อคุณอายุ 6 ขวบ แม่ไปส่งคุณที่รร. คุณขอบคุณแม่ด้วยการร้องไห้ตะโกนว่า ' ไม่ไป... ไม่ไป... ไม่ไป... ''
เมื่อคุณอายุ 7 ขวบ แม่ซื้อไอศกรีมให้คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการทำมันหกเลอะเทอะไปทั่ว
เมื่อคุณอายุ 8 ขวบ แม่ซื้อลูกบอลให้คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการทำกระจกเพื่อนบ้านแตก
เมื่อคุณอายุ 9 ขวบ แม่สอนให้คุณเล่นเปียโน คุณขอบคุณแม่ด้วยการไม่เคยแม้แต่จะซ้อม
เมื่อคุณอายุ 10 ขวบ แม่พาคุณไปเรียนพิเศษและพาไปงานวันเกิดเพื่อน คุณขอบคุณแม่ด้วยการกระโดดลงจากรถโดยไม่คิดที่จะหันกลับมามอง
เมื่อคุณอายุ 11 ขวบ แม่พาคุณกับเพื่อนไปดูหนัง คุณขอบคุณแม่ด้วยการขอที่นั่งคนละแถว(หรือขอให้แม่ไม่ต้องดู)
เมื่อคุณอายุ 12 ขวบ แม่เตือนคุณว่าอย่าดูทีวี คุณขอบคุณแม่ด้วยการรอให้แม่ไปข้างนอกแล้วดูต่อ
เมื่อคุณอายุ 13 ปี แม่บอกให้คุณตัดผม คุณขอบคุณแม่ด้วยการด่าแม่ว่า ' แม่นี่...ไม่มีรสนิยมเลย ไม่ต้องกะหนู(ผม)หรอก '
เมื่อคุณอายุ 14 ปี แม่จ่ายเงินซัมเมอร์แคมป์ที่แพงแสนแพงเพื่อให้คุณได้เรียนสิ่งที่ดีๆ คุณขอบคุณแม่ด้วยการไม่เขียนจดหมายหาแม่ซักกะฉบับ
เมื่อคุณอายุ 15 ปี แม่กลับบ้านหลักงานเลิกอยากกอดคุณสักกอด คุณขอบคุณแม่ด้วยการขังตัวเองอยู่ในห้อง
เมื่อคุณอายุ 16 ปี แม่สอนคุณขับรถ คุณขอบคุณแม่ด้วยการขับรถหนีแม่ไป??ที่ยว
เมื่อคุณอายุ 17 ปี แม่จ่ายค่าเรียนกวดวิชา คุณขอบคุณแม่ด้วยการให้แม่ส่งข้างนอกเพื่อจะได้ไม่อายเพื่อน
เมื่อคุณอายุ 18 ปี แม่ร้องไห้ในวันที่คุณจบชั้นมัธยม คุณขอบคุณแม่ด้วยการฉลองยันเช้า
เมื่อคุณอายุ 19 ปี แม่รอโทรศัพท์สายสำคัญ คุณขอบคุณแม่ ด้วยการใช้สายตลอดคืนนั้น
เมื่อคุณอายุ 20 ปี แม่ถามว่าคุณมีแฟนรึยัง คุณขอบคุณแม่ด้วยการตอบว่า ' แม่อย่ามายุ่งกะหนู(ผม)เลย '
เมื่อคุณอายุ 21 ปี แม่แนะนำอาชีพของแม่ให้คุณทำในอนาคตของคุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการพูดว่า ' หนู(ผม)ไม่อยากเป็นอย่างแม่ '
เมื่อคุณอายุ 22 ปี แม่อยากกอดคุณในวันรับปริญญา คุณขอบคุณแม่ด้วยการกอดกับเพศตรงข้ามกับคุณ
เมื่อคุณอายุ 23 ปี แม่ซื้ออพาร์ตเม้นท์และเฟอร์นิเจอร์ให้แก่คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการว่ากับเพื่อนๆลับหลังว่า ' มันช่างเชยและน่าเกลียดเสียนี่กระไร '
เมื่อคุณอายุ 24 ปี แม่บอกให้คุณพาแฟนของคุณมาหาแม่ เมื่อคุณพามา แม่ถามพวกคุณว่าอนาคตวางแผนไว้ว่าอย่างไร คุณขอบคุณแม่ด้วยการจ้องเขม็งและพูดว่า ' แม่จะมายุ่งอะไรกะหนูอีกเนี่ย '
เมื่อคุณอายุ 25 ปี ( สำหรับผู้ชาย)แม่ช่วยออกค่าสินสอดให้กับคุณ และบอกกับคุณว่าแม่รักคุณมากขนาดไหน คุณขอบคุณแม่ด้วยการพูดว่า ' อายคนอื่นเขาน่า แม่ '
( สำหรับผู้หญิง)แม่ช่วยออกค่าใช้จ่ายในงานแต่งงานให้คุณ และบอกว่าแม่รักคุณมากขนาดไหน คุณขอบคุณแม่ด้วยการพูดว่า ' หนูอยากไปอยู่ต่างประเทศเพื่อจะได้สวีทกับแฟนโดนไม่มีแม่ '
เมื่อคุณอายุ 30 ปี แม่โทรมาหาและแนะนำวิธีเลี้ยงเด็ก คุณขอบคุณแม่โดยการบอกว่า ' สมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้วล่ะค่ะแม่ '
เมื่อคุณอายุ 40 ปี แม่โทรมาชวนคุณไปงานวันเกิดญาติ คุณขอบคุณแม่และญาติว่า ' ตอนนี้ไม่ว่างเลย '
เมื่อคุณอายุ 50 ปี แม่ชราและไม่สบาย อยากให้คุณดูแล คุณขอบคุณแม่ด้วยการบอกว่า ' มันเป็นภาระนะแม่ หนูมีงานอีกเยอะแยะ '
และแล้ววันหนึ่ง แม่จากคุณไปอย่างสงบ และทุกอย่างที่คุณไม่เคยทำมาก่อน จะเหมือนฟ้าผ่าในใจคุณ
โปรดใช้เวลาสักนิด แสดงออกถึงความลึกซึ้งแด่ ' แม่ '
ไม่มีอะไรมาแทนแม่ได้ แม้ว่าบางคราวแม่จะไม่ใช่คนที่เข้าใจคุณมากที่สุด หรือเห็นด้วยกับคุณ แต่ก็คือ ' แม่ ' ของคุณ และเชื่อได้ว่าจะทำทุกอย่างเพื่อคุณ รับฟังคุณ ความกังวลของคุณ
ลองถามตัวเองดู คุณมีเวลาที่จะฟังความเศร้า ความกังวลใจไม่ว่าจากการงาน จากงานบ้าน หรือจากงานในครัวของแม่ไหม คุณเคยนึกถึงความทุกข์ของแม่ที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อคุณและทุกคนไหม
รักแม่ให้มาก แม้ว่าจะคิดเห็นแตกต่างการ เพราะเมื่อแม่จากไป จะเหลือเพียงความเสียใจและความทรงจำเท่านั้น
เมื่อคุณเกิดมาในโลกนี้ แม่อุ้มคุณไว้ในอ้อมอก คุณขอบคุณแม่ด้วยการเปล่งเสียงร้องไห้
เมื่อคุณอายุ 1 ขวบ แม่ป้อนข้าวและอาบน้ำให้คุณ คุณขอบคุณแม่โดยการร้องไห้งอแง
เมื่อคุณอายุ 2 ขวบ แม่สอนให้คุณหัดเดิน คุณขอบคุณแม่ด้วยการวิ่งหนีทุกครั้งที่แม่เรียกหา
เมื่อคุณอายุ 3 ขวบ แม่ทำอาหารทุกอย่างให้คุณด้วยความรัก คุณขอบคุณแม่ด้วยการโยนจานลงบนพื้น
เมื่อคุณอายุ 4 ขวบ แม่ให้ดินสอสีแก่คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการระบายสีเลอะเต็มบ้าน
เมื่อคุณอายุ 5 ขวบ แม่แต่งชุดสวยๆ(หรือหล่อๆ)ให้คุณไปเที่ยว คุณขอบคุณแม่ด้วยการทำชุดเลอะโคลน
เมื่อคุณอายุ 6 ขวบ แม่ไปส่งคุณที่รร. คุณขอบคุณแม่ด้วยการร้องไห้ตะโกนว่า ' ไม่ไป... ไม่ไป... ไม่ไป... ''
เมื่อคุณอายุ 7 ขวบ แม่ซื้อไอศกรีมให้คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการทำมันหกเลอะเทอะไปทั่ว
เมื่อคุณอายุ 8 ขวบ แม่ซื้อลูกบอลให้คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการทำกระจกเพื่อนบ้านแตก
เมื่อคุณอายุ 9 ขวบ แม่สอนให้คุณเล่นเปียโน คุณขอบคุณแม่ด้วยการไม่เคยแม้แต่จะซ้อม
เมื่อคุณอายุ 10 ขวบ แม่พาคุณไปเรียนพิเศษและพาไปงานวันเกิดเพื่อน คุณขอบคุณแม่ด้วยการกระโดดลงจากรถโดยไม่คิดที่จะหันกลับมามอง
เมื่อคุณอายุ 11 ขวบ แม่พาคุณกับเพื่อนไปดูหนัง คุณขอบคุณแม่ด้วยการขอที่นั่งคนละแถว(หรือขอให้แม่ไม่ต้องดู)
เมื่อคุณอายุ 12 ขวบ แม่เตือนคุณว่าอย่าดูทีวี คุณขอบคุณแม่ด้วยการรอให้แม่ไปข้างนอกแล้วดูต่อ
เมื่อคุณอายุ 13 ปี แม่บอกให้คุณตัดผม คุณขอบคุณแม่ด้วยการด่าแม่ว่า ' แม่นี่...ไม่มีรสนิยมเลย ไม่ต้องกะหนู(ผม)หรอก '
เมื่อคุณอายุ 14 ปี แม่จ่ายเงินซัมเมอร์แคมป์ที่แพงแสนแพงเพื่อให้คุณได้เรียนสิ่งที่ดีๆ คุณขอบคุณแม่ด้วยการไม่เขียนจดหมายหาแม่ซักกะฉบับ
เมื่อคุณอายุ 15 ปี แม่กลับบ้านหลักงานเลิกอยากกอดคุณสักกอด คุณขอบคุณแม่ด้วยการขังตัวเองอยู่ในห้อง
เมื่อคุณอายุ 16 ปี แม่สอนคุณขับรถ คุณขอบคุณแม่ด้วยการขับรถหนีแม่ไป??ที่ยว
เมื่อคุณอายุ 17 ปี แม่จ่ายค่าเรียนกวดวิชา คุณขอบคุณแม่ด้วยการให้แม่ส่งข้างนอกเพื่อจะได้ไม่อายเพื่อน
เมื่อคุณอายุ 18 ปี แม่ร้องไห้ในวันที่คุณจบชั้นมัธยม คุณขอบคุณแม่ด้วยการฉลองยันเช้า
เมื่อคุณอายุ 19 ปี แม่รอโทรศัพท์สายสำคัญ คุณขอบคุณแม่ ด้วยการใช้สายตลอดคืนนั้น
เมื่อคุณอายุ 20 ปี แม่ถามว่าคุณมีแฟนรึยัง คุณขอบคุณแม่ด้วยการตอบว่า ' แม่อย่ามายุ่งกะหนู(ผม)เลย '
เมื่อคุณอายุ 21 ปี แม่แนะนำอาชีพของแม่ให้คุณทำในอนาคตของคุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการพูดว่า ' หนู(ผม)ไม่อยากเป็นอย่างแม่ '
เมื่อคุณอายุ 22 ปี แม่อยากกอดคุณในวันรับปริญญา คุณขอบคุณแม่ด้วยการกอดกับเพศตรงข้ามกับคุณ
เมื่อคุณอายุ 23 ปี แม่ซื้ออพาร์ตเม้นท์และเฟอร์นิเจอร์ให้แก่คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการว่ากับเพื่อนๆลับหลังว่า ' มันช่างเชยและน่าเกลียดเสียนี่กระไร '
เมื่อคุณอายุ 24 ปี แม่บอกให้คุณพาแฟนของคุณมาหาแม่ เมื่อคุณพามา แม่ถามพวกคุณว่าอนาคตวางแผนไว้ว่าอย่างไร คุณขอบคุณแม่ด้วยการจ้องเขม็งและพูดว่า ' แม่จะมายุ่งอะไรกะหนูอีกเนี่ย '
เมื่อคุณอายุ 25 ปี ( สำหรับผู้ชาย)แม่ช่วยออกค่าสินสอดให้กับคุณ และบอกกับคุณว่าแม่รักคุณมากขนาดไหน คุณขอบคุณแม่ด้วยการพูดว่า ' อายคนอื่นเขาน่า แม่ '
( สำหรับผู้หญิง)แม่ช่วยออกค่าใช้จ่ายในงานแต่งงานให้คุณ และบอกว่าแม่รักคุณมากขนาดไหน คุณขอบคุณแม่ด้วยการพูดว่า ' หนูอยากไปอยู่ต่างประเทศเพื่อจะได้สวีทกับแฟนโดนไม่มีแม่ '
เมื่อคุณอายุ 30 ปี แม่โทรมาหาและแนะนำวิธีเลี้ยงเด็ก คุณขอบคุณแม่โดยการบอกว่า ' สมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้วล่ะค่ะแม่ '
เมื่อคุณอายุ 40 ปี แม่โทรมาชวนคุณไปงานวันเกิดญาติ คุณขอบคุณแม่และญาติว่า ' ตอนนี้ไม่ว่างเลย '
เมื่อคุณอายุ 50 ปี แม่ชราและไม่สบาย อยากให้คุณดูแล คุณขอบคุณแม่ด้วยการบอกว่า ' มันเป็นภาระนะแม่ หนูมีงานอีกเยอะแยะ '
และแล้ววันหนึ่ง แม่จากคุณไปอย่างสงบ และทุกอย่างที่คุณไม่เคยทำมาก่อน จะเหมือนฟ้าผ่าในใจคุณ
โปรดใช้เวลาสักนิด แสดงออกถึงความลึกซึ้งแด่ ' แม่ '
ไม่มีอะไรมาแทนแม่ได้ แม้ว่าบางคราวแม่จะไม่ใช่คนที่เข้าใจคุณมากที่สุด หรือเห็นด้วยกับคุณ แต่ก็คือ ' แม่ ' ของคุณ และเชื่อได้ว่าจะทำทุกอย่างเพื่อคุณ รับฟังคุณ ความกังวลของคุณ
ลองถามตัวเองดู คุณมีเวลาที่จะฟังความเศร้า ความกังวลใจไม่ว่าจากการงาน จากงานบ้าน หรือจากงานในครัวของแม่ไหม คุณเคยนึกถึงความทุกข์ของแม่ที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อคุณและทุกคนไหม
รักแม่ให้มาก แม้ว่าจะคิดเห็นแตกต่างการ เพราะเมื่อแม่จากไป จะเหลือเพียงความเสียใจและความทรงจำเท่านั้น
วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
ขี้เกียจลุกจากที่นอน เท่ากับขี้เกียจลุกขึ้นมาพบความสำเร็จ
1. ขี้เกียจลุกจากที่นอน เท่ากับขี้เกียจลุกขึ้นมาพบความสำเร็จ
2. ตั้งใจเปล่งเสียงพูดให้คนเกิดความเลื่อมใสศรัทธาคุณงามความดี แก้วเสียงจะฟังเพราะขึ้นทันทีไม่ต้องรอชาติหน้า
3. ตอนคิดดี ใจคุณจะสว่าง มโนภาพภายในจะงดงาม ...หน้าตาจะดูใสสะอาดขึ้น และถ้าตั้งใจดีเป็นประจำกระทั่งใจสะอาดใสเป็นปกติ ก็คู่ควรจะเป็นคนสวยหล่อต่อไป
4. เมื่อวานเดินมาถึงจุดหนึ่ง พอวันนี้ไม่ก้าวไปข้างหน้า พรุ่งนี้คุณจะรู้สึกว่าเริ่มถอยหลัง
5.วันนี้คุณเดินมาไกลเกินกว่าจะย้อนกลับไปแก้ไขความผิดพลาดของเมื่อวาน แต่ยังไม่สายที่จะปรับแก้แนวโน้มความผิดพลาดของวันพรุ่ง
6.เผลอเป็นชู้หนเดียวคือมอมแมมแต่ล้างออกด้วยมนุษยธรรมได้ ส่วนการคิดว่าเป็นชู้ไม่ผิดและทำเป็นว่าเล่น คือสกปรกจนต้องล้างด้วยไฟนรกสถานเดียว
7.ซื้อซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์คือการจ่ายค่าแรงตามจริง ผลคือคุณจะไม่ถูกโกงค่าแรง และจะไม่เกิดใหม่ในประเทศด้อยพัฒนาที่คนนิยมซื้อของเถื่อน
8.คนส่วนใหญ่ใช้เวลาในชีวิตครุ่นคิดถึงเรื่องน่าเจ็บใจมากกว่าเรื่องน่าสบายใจ แค่นี้ก็เพียงพอจะเป็นเหตุให้ตายอย่างไม่สบายใจแล้ว 9. เรามักเมาท์กันเรื่องความน่ากลัวตอนโลกแตกและหลังไม่มีโลกอยู่ แต่ไม่เมาท์กันเรื่องมหันตภัยแห่งบาปกรรมที่ร่วมกันพอกพูนเพิ่มขึ้นทุกวัน
10. รักที่มีความสุข คือรักที่ให้ความร่วมมือ ไม่ใช่รักด้วยการยื่นมือรับ และยิ่งไม่ใช่รักด้วยวิธีแบมือขอ
11. คุณต้องพูดและทำอะไรที่เข้าท่ามากมายหลายปีกว่าจะประสบความสำเร็จ แต่เพื่อความล้มเหลวในชีวิต แค่คิดไม่เข้าท่าวันเดียวก็พอแล้ว
12. เรื่องใดรบกวนจิตใจได้ คุณไม่มีทางตั้งใจสลัดทิ้งให้ขาด แต่อาจเฝ้าสังเกตว่ามันรบกวนจิตใจน้อยลงเรื่อยๆ เมื่อคุณไม่สู้และไม่เล่นกับมัน
13. มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบเอาสมองอันชาญฉลาดไปรับใช้หัวใจที่โง่เขลา
14. ชีวิตเปลี่ยนทุกวัน แต่จะดูต่างไปจริงๆก็เมื่อคุณเห็นและยอมรับว่าชีวิตไม่เที่ยง เป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่ใช่เป็นไปตามใจคุณ 15. ไม่เข้าใจเรื่องซับซ้อนไม่ได้แปลว่าตอนนี้โง่ แต่แกล้งไม่เข้าใจเรื่องง่ายๆจะเป็นเหตุให้โง่จริงในวันหน้า
16. ทางปากท้อง กินบ่อยถึงจะอิ่มนาน แต่ทางจิตใจ หยุดกินถึงจะอิ่มทน
17. ตอนคิดว่าจะมีชีวิตอยู่อีกนาน วันข้างหน้าดูน่าห่วงกังวลไปทั้งหมด แต่ตอนคิดว่าอีกไม่กี่นาทีจะต้องตาย วันที่ผ่านมาก็กลายของหลอกเล่นไปทั้งนั้น
18. ถ้าพร้อมจะรักความอิ่มสุข นุ่มนวล เบิกบาน มีชีวิตชีวาในใจตน ก็แปลว่าคุณพร้อมจะรักทุกคน ไม่เว้นกระทั่งศัตรูผู้น่ารังเกียจ 19. สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตคือความคิด เพราะความคิดอาจพังโลกได้ก่อนโลกพัง และพาเราเข้าถึงความมืดได้ก่อนความมืดจะมาถึง
20. ใช้ชีวิตแบบชาวพุทธที่มีความเบิกบาน คือวางแผนจะอยู่อย่างเจริญรุ่งเรืองไปอีกหลายสิบปี แต่ก็เตรียมตายอย่างสบายใจในวันนี้
21. คนพุทธที่ถึงความเป็นพุทธ จะไม่รอให้ใครมาบอกว่า "เราเตือนคุณแล้ว" เพราะคนพุทธระลึกได้ทุกวันว่า "เราเตือนตัวเองแล้ว!"
22. ชาวพุทธชอบเป็นพระรองที่คอยช่วยคนอื่นอยู่เบื้องหลัง ไม่ใช่เป็นพระเอกที่ชอบหาศัตรูมาทำลายให้ย่อยยับ
23. รางวัลของความเป็นพุทธคือการระงับจากความกระวนกระวายในวันที่กำลังมีชีวิต ไม่ใช่ความกระสับกระส่ายอยากได้มรรคผลในวันหน้า
24. ชาวพุทธมีปกติเห็นว่าแม้กายใจตัวเองก็ไม่เที่ยงอยู่ทุกลมหายใจ ใจจึงเป็นปกติสุขกับการเลิกถือสาอะไรๆที่ไม่เที่ยงนอกตัว 25. วันเย็นๆ ถ้าใครใจร้อน แสดงว่าใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คนจะเห็นลางร้ายยังไงก็ช่าง พวกเราถือว่าวันเย็นๆเป็นลางดีก็แล้วกัน 26. สำหรับคนดวงตก โชคชะตามีไว้ให้อยากรู้อนาคต แต่สำหรับคนดวงขึ้น โชคชะตามีไว้ให้อยากเอาชนะเดี๋ยวนี้! 27. ไม่มีอะไรเป็นของคุณจริง ทุกสิ่งแค่มาลองใจว่าคุณเป็นคนแบบไหน ตระหนี่ ใจดี ขี้โกง หรือตรงไปตรงมา เหมาะจะลำบากหรือสบายในภายหน้า
28. ตอนสร้างปัญหาคุณคิดอย่างไรก็ได้ตามใจชอบ แต่ตอนแก้ปัญหาต้องคิดเป็นตรงข้าม คือไม่ใช่อะไรก็ได้ที่ชอบใจ
29. การหยุดหายใจที่ดีที่สุด คือการหยุดอย่างรู้ว่าลมที่หายไปไม่ใช่เรา ตัวเราไม่ใช่เจ้าของลมหายใจ จะเป็นลมเพื่ออยู่หรือลมก่อนตายก็ตาม
30. ห้ามคำพูดของตัวเองก่อนหลุดปากนั้นง่ายยิ่ง แต่ถอนความเจ็บใจของคนอื่นหลังฟังคำบาดหูของเรานั้นแสนยาก
31. โลกนี้มีแต่คนตายไปแล้ว กับคนที่ขยับเข้าใกล้ความตายเข้าไปทุกที และมีคนไม่มากนักใช้ชีวิตที่เหลือได้คุ้มพอ
32. เมื่อวานมีดีตรงที่เป็นฐานของวันนี้ วันนี้มีที่ยืนก็เพราะเมื่อวาน เมื่อวานช่วยให้วันนี้ไม่ต้องเสี่ยงผิดเสี่ยงถูกอย่างคนไม่เคยมีบทเรียนอะไรเลย
33. วันนี้ดีกว่าเมื่อวานตรงที่เป็นความจริงจับต้องได้ ไม่ใช่ความฝันที่เอาไว้นึกถึงให้เหม่อลอยเปล่าๆ .................................................
2. ตั้งใจเปล่งเสียงพูดให้คนเกิดความเลื่อมใสศรัทธาคุณงามความดี แก้วเสียงจะฟังเพราะขึ้นทันทีไม่ต้องรอชาติหน้า
3. ตอนคิดดี ใจคุณจะสว่าง มโนภาพภายในจะงดงาม ...หน้าตาจะดูใสสะอาดขึ้น และถ้าตั้งใจดีเป็นประจำกระทั่งใจสะอาดใสเป็นปกติ ก็คู่ควรจะเป็นคนสวยหล่อต่อไป
4. เมื่อวานเดินมาถึงจุดหนึ่ง พอวันนี้ไม่ก้าวไปข้างหน้า พรุ่งนี้คุณจะรู้สึกว่าเริ่มถอยหลัง
5.วันนี้คุณเดินมาไกลเกินกว่าจะย้อนกลับไปแก้ไขความผิดพลาดของเมื่อวาน แต่ยังไม่สายที่จะปรับแก้แนวโน้มความผิดพลาดของวันพรุ่ง
6.เผลอเป็นชู้หนเดียวคือมอมแมมแต่ล้างออกด้วยมนุษยธรรมได้ ส่วนการคิดว่าเป็นชู้ไม่ผิดและทำเป็นว่าเล่น คือสกปรกจนต้องล้างด้วยไฟนรกสถานเดียว
7.ซื้อซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์คือการจ่ายค่าแรงตามจริง ผลคือคุณจะไม่ถูกโกงค่าแรง และจะไม่เกิดใหม่ในประเทศด้อยพัฒนาที่คนนิยมซื้อของเถื่อน
8.คนส่วนใหญ่ใช้เวลาในชีวิตครุ่นคิดถึงเรื่องน่าเจ็บใจมากกว่าเรื่องน่าสบายใจ แค่นี้ก็เพียงพอจะเป็นเหตุให้ตายอย่างไม่สบายใจแล้ว 9. เรามักเมาท์กันเรื่องความน่ากลัวตอนโลกแตกและหลังไม่มีโลกอยู่ แต่ไม่เมาท์กันเรื่องมหันตภัยแห่งบาปกรรมที่ร่วมกันพอกพูนเพิ่มขึ้นทุกวัน
10. รักที่มีความสุข คือรักที่ให้ความร่วมมือ ไม่ใช่รักด้วยการยื่นมือรับ และยิ่งไม่ใช่รักด้วยวิธีแบมือขอ
11. คุณต้องพูดและทำอะไรที่เข้าท่ามากมายหลายปีกว่าจะประสบความสำเร็จ แต่เพื่อความล้มเหลวในชีวิต แค่คิดไม่เข้าท่าวันเดียวก็พอแล้ว
12. เรื่องใดรบกวนจิตใจได้ คุณไม่มีทางตั้งใจสลัดทิ้งให้ขาด แต่อาจเฝ้าสังเกตว่ามันรบกวนจิตใจน้อยลงเรื่อยๆ เมื่อคุณไม่สู้และไม่เล่นกับมัน
13. มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบเอาสมองอันชาญฉลาดไปรับใช้หัวใจที่โง่เขลา
14. ชีวิตเปลี่ยนทุกวัน แต่จะดูต่างไปจริงๆก็เมื่อคุณเห็นและยอมรับว่าชีวิตไม่เที่ยง เป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่ใช่เป็นไปตามใจคุณ 15. ไม่เข้าใจเรื่องซับซ้อนไม่ได้แปลว่าตอนนี้โง่ แต่แกล้งไม่เข้าใจเรื่องง่ายๆจะเป็นเหตุให้โง่จริงในวันหน้า
16. ทางปากท้อง กินบ่อยถึงจะอิ่มนาน แต่ทางจิตใจ หยุดกินถึงจะอิ่มทน
17. ตอนคิดว่าจะมีชีวิตอยู่อีกนาน วันข้างหน้าดูน่าห่วงกังวลไปทั้งหมด แต่ตอนคิดว่าอีกไม่กี่นาทีจะต้องตาย วันที่ผ่านมาก็กลายของหลอกเล่นไปทั้งนั้น
18. ถ้าพร้อมจะรักความอิ่มสุข นุ่มนวล เบิกบาน มีชีวิตชีวาในใจตน ก็แปลว่าคุณพร้อมจะรักทุกคน ไม่เว้นกระทั่งศัตรูผู้น่ารังเกียจ 19. สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตคือความคิด เพราะความคิดอาจพังโลกได้ก่อนโลกพัง และพาเราเข้าถึงความมืดได้ก่อนความมืดจะมาถึง
20. ใช้ชีวิตแบบชาวพุทธที่มีความเบิกบาน คือวางแผนจะอยู่อย่างเจริญรุ่งเรืองไปอีกหลายสิบปี แต่ก็เตรียมตายอย่างสบายใจในวันนี้
21. คนพุทธที่ถึงความเป็นพุทธ จะไม่รอให้ใครมาบอกว่า "เราเตือนคุณแล้ว" เพราะคนพุทธระลึกได้ทุกวันว่า "เราเตือนตัวเองแล้ว!"
22. ชาวพุทธชอบเป็นพระรองที่คอยช่วยคนอื่นอยู่เบื้องหลัง ไม่ใช่เป็นพระเอกที่ชอบหาศัตรูมาทำลายให้ย่อยยับ
23. รางวัลของความเป็นพุทธคือการระงับจากความกระวนกระวายในวันที่กำลังมีชีวิต ไม่ใช่ความกระสับกระส่ายอยากได้มรรคผลในวันหน้า
24. ชาวพุทธมีปกติเห็นว่าแม้กายใจตัวเองก็ไม่เที่ยงอยู่ทุกลมหายใจ ใจจึงเป็นปกติสุขกับการเลิกถือสาอะไรๆที่ไม่เที่ยงนอกตัว 25. วันเย็นๆ ถ้าใครใจร้อน แสดงว่าใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คนจะเห็นลางร้ายยังไงก็ช่าง พวกเราถือว่าวันเย็นๆเป็นลางดีก็แล้วกัน 26. สำหรับคนดวงตก โชคชะตามีไว้ให้อยากรู้อนาคต แต่สำหรับคนดวงขึ้น โชคชะตามีไว้ให้อยากเอาชนะเดี๋ยวนี้! 27. ไม่มีอะไรเป็นของคุณจริง ทุกสิ่งแค่มาลองใจว่าคุณเป็นคนแบบไหน ตระหนี่ ใจดี ขี้โกง หรือตรงไปตรงมา เหมาะจะลำบากหรือสบายในภายหน้า
28. ตอนสร้างปัญหาคุณคิดอย่างไรก็ได้ตามใจชอบ แต่ตอนแก้ปัญหาต้องคิดเป็นตรงข้าม คือไม่ใช่อะไรก็ได้ที่ชอบใจ
29. การหยุดหายใจที่ดีที่สุด คือการหยุดอย่างรู้ว่าลมที่หายไปไม่ใช่เรา ตัวเราไม่ใช่เจ้าของลมหายใจ จะเป็นลมเพื่ออยู่หรือลมก่อนตายก็ตาม
30. ห้ามคำพูดของตัวเองก่อนหลุดปากนั้นง่ายยิ่ง แต่ถอนความเจ็บใจของคนอื่นหลังฟังคำบาดหูของเรานั้นแสนยาก
31. โลกนี้มีแต่คนตายไปแล้ว กับคนที่ขยับเข้าใกล้ความตายเข้าไปทุกที และมีคนไม่มากนักใช้ชีวิตที่เหลือได้คุ้มพอ
32. เมื่อวานมีดีตรงที่เป็นฐานของวันนี้ วันนี้มีที่ยืนก็เพราะเมื่อวาน เมื่อวานช่วยให้วันนี้ไม่ต้องเสี่ยงผิดเสี่ยงถูกอย่างคนไม่เคยมีบทเรียนอะไรเลย
33. วันนี้ดีกว่าเมื่อวานตรงที่เป็นความจริงจับต้องได้ ไม่ใช่ความฝันที่เอาไว้นึกถึงให้เหม่อลอยเปล่าๆ .................................................
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)